หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 068
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 068
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ทำใจของเราให้สงบทำกายของเราให้สบาย หยุดดับความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้เราก็พยายามหยุด ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน
ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้กายรู้ลมหายใจ รู้กายแล้วก็รู้ใจแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ไม่เกิดลักษณะของใจที่สงบ เราพยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ รู้ไม่ทันการเกิดของใจเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้เขาเรียกว่า ‘สมถะ’ เขาเรียกว่าดับเขาเรียกว่าหยุด
หัดวิเคราะห์ลักษณะกายของเราลักษณะของใจของเรา แล้วก็คือการกระทำของเราไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย หมั่นพร่ำสอนใจตัวเราอยู่ตลอดเวลา การเกิดของใจทำไมใจถึงเกิด ทำไมความคิดต่างๆ เข้ามาปรุงแต่งใจ สมมติที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นอย่างไร ภาระหน้าที่ต่างๆ อะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรควรทำให้มีให้เกิดขึ้น แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความขยันหมั่นเพียรที่เต็มเปี่ยมหรือไม่ เรามีความเสียสละ เรามีความจริงใจต่อตัวเราต่อคนอื่น มีสัจจะกับตัวเราเอง ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์เราจะมองเห็นหนทางเดินของตัวเรา รีบแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา
ลักษณะของสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ลักษณะของใจ มีไม่มากหรอกอยู่ในกายก้อนนี้ ถ้าเรารู้จักเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ มีความเพียรที่ต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งหาที่โน่นไม่จำเป็นต้องไปวิ่งหาที่นี่ ทุกคนก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้เราก็มาสร้างมาสานต่อมาดำเนินต่อให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว ค่อยทำค่อยเป็นค่อยสร้างขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงาน เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์ใจของเรา อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็พยายามเสริมเติมให้เต็ม อะไรที่มันไม่มีเราก็พยายามขวนขวายด้วยสติด้วยปัญญาสร้างให้มีให้เกิดขึ้น
ใจของเรามีความทะเยอทะยานอยากเราก็พยายามละความอยาก เปลี่ยนเป็นความต้องการของสติของปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง ขอให้ศึกษาขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกวิธี ภาษาธรรมภาษาโลก สมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา เราต้องจำแนกแจกแจงให้รู้ให้เห็นเราถึงจะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ใช่ว่าจะไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ สติรู้ตัวยังไม่เคยรู้จักยังไม่เคยสร้างขึ้น จะเอาตั้งแต่ปัญญาของสมมติปัญญาโลกีย์วิ่งเข้าไปหาตลอดเวลา เขาก็ปิดบังอำพรางตัวเองตลอดเวลา แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่ระดับของสมมติ แต่จะให้ดีจริงๆ เราต้องรู้จักจำแนกแจงแจกสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันที่เราสร้างขึ้นมา แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้
ปัญญาเก่าๆ ที่เกิดจากตัวจิตปัญญาที่เกิดจากขันธ์ห้าอยู่ในร่างกายของเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเขาส่งออกไปภายนอก เขาคิดสักกี่เรื่องเรารู้เท่าทันหรือไม่ ใจของเราเกิดความอยากสักกี่เที่ยว ใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่ครั้ง เหตุการณ์จากภายนอกมาทำให้ใจของเราเกิด กายทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร ต้องหมั่นน้อมหมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณาหมั่นพร่ำสอนตัวเราตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
อะไรคือส่วนรูปธรรมอะไรคือส่วนนามธรรม ลักษณะหน้าตาอาการของกิเลส ลักษณะหน้าตาอาการของขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ทำอย่างไรท่านถึงเรียกว่าวิปัสสนา การแยกรูปแยกนาม การตามดูกิเลสหยาบกิเลสละเอียด แต่เราอาจจะมองเห็นอยู่ในภาพรวมรู้อยู่ในภาพรวม คิดก็รู้ทำก็รู้ ในหลักของธรรมแล้วตัวใจมันเข้าไปหลงในความรู้ตรงนั้นอยู่ เพราะว่าตัวใจเป็นตัวบงการ ความคิดเก่าเป็นตัวบงการ มีกันทุกคน
ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องเราก็จะไม่เห็นตรงนี้ ถ้าเจริญสติเพียงแค่แยกรูปแยกนามได้ เพียงแค่เริ่มต้นเริ่มต้นของตัวปัญญา ถ้าเราขาดการทำความเข้าใจตามดูตามรู้ตามเห็นตามละอีก มันก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิมอีก ทุกเรื่องเลยในชีวิตของเราตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงวันตาย เราต้องดูต้องรู้ ให้ทำความเข้าใจให้เห็นเสียก่อน แล้วก็พยายามสร้างอานิสงส์สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น สร้างความรับผิดชอบ ความเป็นระเบียบ ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น ทุกอย่างเป็นตบะเป็นบารมีของทุกคน
ในการสร้างคุณงามความดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพยายามทำอย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง พยายามทำพยายามศึกษา อยู่ที่โน่นก็ดีอยู่ที่นี่ก็ดี บางทีบางครั้งบางคราวทำไมเราไม่เข้าใจ เพราะอานิสงส์บุญบารมีของเรายังไม่ถึงตรงนั้นเราก็ไม่เข้าใจ เราก็ต้องพยายามสร้างบารมีของเราไป เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้เราจะไปเร่งให้เขาออกดอกออกผลวันเดียวก็ไม่ได้ เราต้องอาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยการดูแล
การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ความเสียสละของเรามีหรือไม่ ความรับผิดชอบของเรามีหรือไม่ การกระทำของเราถึงพร้อมหรือไม่ เรารู้จักละกิเลสหรือเปล่า การฝึกหัดปฏิบัติคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน เราก็เพื่อการละกิเลสเพื่อคลายความหลง ลักษณะของศีลสมาธิ ลักษณะของปัญญาเขาเป็นอย่างไร การเจริญสติของเรามีหรือไม่
ถ้าเรามีความเพียรที่ต่อเนื่องมีศรัทธาที่เต็มเปี่ยม สักวันหนึ่งเราก็คงจะเข้าใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนถ้าการดำเนินของเรามีเราก็ต้องเข้าใจถ้าบุญอานิสงส์ของเราเต็มเปี่ยม อยู่คนเดียวก็ย่อมจะเข้าใจ อยู่หลายคนก็ย่อมจะเข้าใจ พยายามพากันสร้างเถอะทำมากทำน้อยก็เป็นอานิสงส์ของพวกเราทุกคน กายของเราน้อมเข้ามาใจของเราน้อมเข้ามา แล้วก็ประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตัวเราเองลงไป สักวันหนึ่งเราคงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
หมั่นสำรวจสำรวมกายอินทรีย์ของเรา กายเป็นอย่างไร วาจาเป็นอย่างไร ใจของเราเป็นอย่างไร ทำความเข้าใจกับโลกสมมติภายนอก ความเป็นอยู่ของเราอะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไขเสีย ส่วนมากจะไปมองตั้งแต่เรื่องของคนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ สารพัดอย่าง คนโน้นว่าจะเราอย่างนั้นคนนั้นจะว่าเราอย่างนี้สารพัดทุกอย่าง ไม่เคยดูสะสางเรื่องของตัวเราเองว่าตื่นขึ้นมาใจของเราเป็นอย่างไรมาอย่างไร ใจของเราเกิดอย่างไร ใจของเรามีกิเลสอย่างไร เราจะละอย่างไร เขาเรียกว่าเป็นที่พึ่งของตน พยายามเป็นที่พึ่งของตัวเราเองให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา อะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไข จากน้อยๆไปหามากๆ สักวันหนึ่งก็จะเต็มเปี่ยมไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
เรายิ่งอยู่ด้วยกันมากคนหลายคนหลายท่านก็พยายามมีความสมัครสมานสามัคคี มีอะไรก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อะไรที่ไม่ดีเราก็รีบแก้ไขเสีย สมมติต่างๆ เราก็ทำช่วยกัน จากความไม่มีเราก็ทำให้มีเพื่อความสะดวกสบายของทุกคน รู้จักรับผิดชอบรู้จักหน้าที่ของตัวเราเอง ไม่ใช่ว่าเอาตั้งแต่ความเกียจคร้าน เอาตั้งแต่ความสบายอย่างเดียว
คนเราก่อนที่จะได้รับความสงบความสุขความสบาย ก็ต้องผ่านความทุกข์รู้ความทุกข์ ทำความเข้าใจ ความสบายเราไม่อยากจะได้มันก็จะได้เองนั่นแหละ การกระทำของเรามีอย่าเอารัดเอาเปรียบคนโน่นคนนี้ ให้ชนะใจตัวเราเองเราก็จะชนะหมดทุกอย่าง เอาออกคลายออกให้มันหมดจนไม่เหลืออะไร ในความไม่เหลือนั้นจะเหลือความบริสุทธิ์คือความว่างความบริสุทธิ์ของใจ ไม่ว่าพระว่าโยมไม่ชีฆราวาสญาติโยมของเราก็เหมือนกัน
หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคนที่ได้มา มาแล้วก็มาให้เปรียบเสมือนว่าอยู่บ้านของเรานะ ทางคณะก็ได้มาช่วยกันหลวงพ่อก็ขอขอบใจมากๆ ทุกคนนั่นแหละ ที่มาวัดก็ได้มาช่วยกันสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีร่วมกัน ฝากเอาไว้กับแผ่นดินฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน มีอะไรก็ให้ช่วยกันทำ หนักเอาเบาสู้ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ห้องส้วมห้องน้ำ ทำความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เศษขยะกิ่งไม้ต่างๆ เราก็ช่วยกันดูแล จะอยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุขอยู่หลายคนก็มีความสุข
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ
ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้กายรู้ลมหายใจ รู้กายแล้วก็รู้ใจแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ไม่เกิดลักษณะของใจที่สงบ เราพยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ รู้ไม่ทันการเกิดของใจเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้เขาเรียกว่า ‘สมถะ’ เขาเรียกว่าดับเขาเรียกว่าหยุด
หัดวิเคราะห์ลักษณะกายของเราลักษณะของใจของเรา แล้วก็คือการกระทำของเราไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย หมั่นพร่ำสอนใจตัวเราอยู่ตลอดเวลา การเกิดของใจทำไมใจถึงเกิด ทำไมความคิดต่างๆ เข้ามาปรุงแต่งใจ สมมติที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นอย่างไร ภาระหน้าที่ต่างๆ อะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรควรทำให้มีให้เกิดขึ้น แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความขยันหมั่นเพียรที่เต็มเปี่ยมหรือไม่ เรามีความเสียสละ เรามีความจริงใจต่อตัวเราต่อคนอื่น มีสัจจะกับตัวเราเอง ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์เราจะมองเห็นหนทางเดินของตัวเรา รีบแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา
ลักษณะของสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ลักษณะของใจ มีไม่มากหรอกอยู่ในกายก้อนนี้ ถ้าเรารู้จักเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ มีความเพียรที่ต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งหาที่โน่นไม่จำเป็นต้องไปวิ่งหาที่นี่ ทุกคนก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้เราก็มาสร้างมาสานต่อมาดำเนินต่อให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว ค่อยทำค่อยเป็นค่อยสร้างขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงาน เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์ใจของเรา อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็พยายามเสริมเติมให้เต็ม อะไรที่มันไม่มีเราก็พยายามขวนขวายด้วยสติด้วยปัญญาสร้างให้มีให้เกิดขึ้น
ใจของเรามีความทะเยอทะยานอยากเราก็พยายามละความอยาก เปลี่ยนเป็นความต้องการของสติของปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง ขอให้ศึกษาขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกวิธี ภาษาธรรมภาษาโลก สมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา เราต้องจำแนกแจกแจงให้รู้ให้เห็นเราถึงจะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ใช่ว่าจะไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ สติรู้ตัวยังไม่เคยรู้จักยังไม่เคยสร้างขึ้น จะเอาตั้งแต่ปัญญาของสมมติปัญญาโลกีย์วิ่งเข้าไปหาตลอดเวลา เขาก็ปิดบังอำพรางตัวเองตลอดเวลา แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่ระดับของสมมติ แต่จะให้ดีจริงๆ เราต้องรู้จักจำแนกแจงแจกสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันที่เราสร้างขึ้นมา แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้
ปัญญาเก่าๆ ที่เกิดจากตัวจิตปัญญาที่เกิดจากขันธ์ห้าอยู่ในร่างกายของเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเขาส่งออกไปภายนอก เขาคิดสักกี่เรื่องเรารู้เท่าทันหรือไม่ ใจของเราเกิดความอยากสักกี่เที่ยว ใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่ครั้ง เหตุการณ์จากภายนอกมาทำให้ใจของเราเกิด กายทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร ต้องหมั่นน้อมหมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณาหมั่นพร่ำสอนตัวเราตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
อะไรคือส่วนรูปธรรมอะไรคือส่วนนามธรรม ลักษณะหน้าตาอาการของกิเลส ลักษณะหน้าตาอาการของขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ทำอย่างไรท่านถึงเรียกว่าวิปัสสนา การแยกรูปแยกนาม การตามดูกิเลสหยาบกิเลสละเอียด แต่เราอาจจะมองเห็นอยู่ในภาพรวมรู้อยู่ในภาพรวม คิดก็รู้ทำก็รู้ ในหลักของธรรมแล้วตัวใจมันเข้าไปหลงในความรู้ตรงนั้นอยู่ เพราะว่าตัวใจเป็นตัวบงการ ความคิดเก่าเป็นตัวบงการ มีกันทุกคน
ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องเราก็จะไม่เห็นตรงนี้ ถ้าเจริญสติเพียงแค่แยกรูปแยกนามได้ เพียงแค่เริ่มต้นเริ่มต้นของตัวปัญญา ถ้าเราขาดการทำความเข้าใจตามดูตามรู้ตามเห็นตามละอีก มันก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิมอีก ทุกเรื่องเลยในชีวิตของเราตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงวันตาย เราต้องดูต้องรู้ ให้ทำความเข้าใจให้เห็นเสียก่อน แล้วก็พยายามสร้างอานิสงส์สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น สร้างความรับผิดชอบ ความเป็นระเบียบ ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น ทุกอย่างเป็นตบะเป็นบารมีของทุกคน
ในการสร้างคุณงามความดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพยายามทำอย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง พยายามทำพยายามศึกษา อยู่ที่โน่นก็ดีอยู่ที่นี่ก็ดี บางทีบางครั้งบางคราวทำไมเราไม่เข้าใจ เพราะอานิสงส์บุญบารมีของเรายังไม่ถึงตรงนั้นเราก็ไม่เข้าใจ เราก็ต้องพยายามสร้างบารมีของเราไป เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้เราจะไปเร่งให้เขาออกดอกออกผลวันเดียวก็ไม่ได้ เราต้องอาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยการดูแล
การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ความเสียสละของเรามีหรือไม่ ความรับผิดชอบของเรามีหรือไม่ การกระทำของเราถึงพร้อมหรือไม่ เรารู้จักละกิเลสหรือเปล่า การฝึกหัดปฏิบัติคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน เราก็เพื่อการละกิเลสเพื่อคลายความหลง ลักษณะของศีลสมาธิ ลักษณะของปัญญาเขาเป็นอย่างไร การเจริญสติของเรามีหรือไม่
ถ้าเรามีความเพียรที่ต่อเนื่องมีศรัทธาที่เต็มเปี่ยม สักวันหนึ่งเราก็คงจะเข้าใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนถ้าการดำเนินของเรามีเราก็ต้องเข้าใจถ้าบุญอานิสงส์ของเราเต็มเปี่ยม อยู่คนเดียวก็ย่อมจะเข้าใจ อยู่หลายคนก็ย่อมจะเข้าใจ พยายามพากันสร้างเถอะทำมากทำน้อยก็เป็นอานิสงส์ของพวกเราทุกคน กายของเราน้อมเข้ามาใจของเราน้อมเข้ามา แล้วก็ประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตัวเราเองลงไป สักวันหนึ่งเราคงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
หมั่นสำรวจสำรวมกายอินทรีย์ของเรา กายเป็นอย่างไร วาจาเป็นอย่างไร ใจของเราเป็นอย่างไร ทำความเข้าใจกับโลกสมมติภายนอก ความเป็นอยู่ของเราอะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไขเสีย ส่วนมากจะไปมองตั้งแต่เรื่องของคนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ สารพัดอย่าง คนโน้นว่าจะเราอย่างนั้นคนนั้นจะว่าเราอย่างนี้สารพัดทุกอย่าง ไม่เคยดูสะสางเรื่องของตัวเราเองว่าตื่นขึ้นมาใจของเราเป็นอย่างไรมาอย่างไร ใจของเราเกิดอย่างไร ใจของเรามีกิเลสอย่างไร เราจะละอย่างไร เขาเรียกว่าเป็นที่พึ่งของตน พยายามเป็นที่พึ่งของตัวเราเองให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา อะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไข จากน้อยๆไปหามากๆ สักวันหนึ่งก็จะเต็มเปี่ยมไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
เรายิ่งอยู่ด้วยกันมากคนหลายคนหลายท่านก็พยายามมีความสมัครสมานสามัคคี มีอะไรก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อะไรที่ไม่ดีเราก็รีบแก้ไขเสีย สมมติต่างๆ เราก็ทำช่วยกัน จากความไม่มีเราก็ทำให้มีเพื่อความสะดวกสบายของทุกคน รู้จักรับผิดชอบรู้จักหน้าที่ของตัวเราเอง ไม่ใช่ว่าเอาตั้งแต่ความเกียจคร้าน เอาตั้งแต่ความสบายอย่างเดียว
คนเราก่อนที่จะได้รับความสงบความสุขความสบาย ก็ต้องผ่านความทุกข์รู้ความทุกข์ ทำความเข้าใจ ความสบายเราไม่อยากจะได้มันก็จะได้เองนั่นแหละ การกระทำของเรามีอย่าเอารัดเอาเปรียบคนโน่นคนนี้ ให้ชนะใจตัวเราเองเราก็จะชนะหมดทุกอย่าง เอาออกคลายออกให้มันหมดจนไม่เหลืออะไร ในความไม่เหลือนั้นจะเหลือความบริสุทธิ์คือความว่างความบริสุทธิ์ของใจ ไม่ว่าพระว่าโยมไม่ชีฆราวาสญาติโยมของเราก็เหมือนกัน
หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคนที่ได้มา มาแล้วก็มาให้เปรียบเสมือนว่าอยู่บ้านของเรานะ ทางคณะก็ได้มาช่วยกันหลวงพ่อก็ขอขอบใจมากๆ ทุกคนนั่นแหละ ที่มาวัดก็ได้มาช่วยกันสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีร่วมกัน ฝากเอาไว้กับแผ่นดินฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน มีอะไรก็ให้ช่วยกันทำ หนักเอาเบาสู้ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ห้องส้วมห้องน้ำ ทำความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เศษขยะกิ่งไม้ต่างๆ เราก็ช่วยกันดูแล จะอยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุขอยู่หลายคนก็มีความสุข
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ