หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 027

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 027
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 027
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมของเราตั้งใจเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สำรวจกายสำรวจจิตของเราแล้วหรือยัง เราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง หรือว่าเราปล่อยเวลาทิ้ง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาปุ๊บเราก็สร้างความรู้สึกรับรู้กายของเรา รับรู้การหายใจเข้าออกของเรา รับรู้การเคลื่อนไหวเวลาจะลุกจะก้าวจะเดิน พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน

หลวงพ่อก็พูดถึงแต่เรื่องเก่าของเก่านี่แหละ ยังทำกันไม่ค่อยจะได้ต่อเนื่องกัน ถ้าเรามีสติความระลึกรู้ตัว ต่อไปข้างหน้าก็ระลึกรู้จิต รู้เท่าทันจิตรู้ เท่าทันความคิด รู้เท่าทันอาการของกิเลส รู้จักดับรู้จักละ รู้จักแยกรู้จักวิเคราะห์ ก็จะตามมา

เพียงแค่ขั้นสร้างความรู้ตัวพวกเราก็สร้างกันไม่ได้ต่อเนื่อง แล้วก็ไม่สร้างกันเสียเลยก็มี ตื่นขึ้นมาก็ไปแบบโลกๆ อยู่แบบโลกๆ อันนั้นก็ถูกอยู่ระดับของสมมติ ในระดับของหลักธรรมแล้ว เราต้องมาฝึกมาเจริญสติเข้าไปดูรู้ให้ทันทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของเรา จนกว่าธาตุขันธ์จะแตกจะดับนั่นแหละ

เรื่องการทำบุญการให้ทานทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ศรัทธาก็มีการเต็มเปี่ยม แต่การทำความเข้าใจให้ละเอียดรายละเอียดต่างๆ ต้องเป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียร รู้จักวิเคราะห์ตัวเรา รู้จักแก้ไขตัวเรา อันนี้จิตนะอันนี้กายนะ อันนี้สมมติอันนี้วิมุตติ อัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ จิตที่ไม่เกิด จิตที่สงบจากกิเลสเป็นอย่างนี้ มันจะรู้เห็นได้ชัดเจนได้ชัดแจ้ง

ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่อง ถ้าสติของเราพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ๆ อย่าไปเกียจคร้านในการเจริญสติ ถ้าเราแยกจิตออกจากขันธ์ห้าได้ สังเกตดูรู้ทันแล้วเขาจะแยกออกจากกันได้ ทีนี้ล่ะถึงจะสนุกในการดู เพราะว่าดูรู้เห็นตามสภาพความเป็นจริงก็จะมีความสุข สุขกับการกับงาน สุขกับการทำความเข้าใจ มีความขยันหมั่นเพียรฝักใฝ่สนใจ สร้างประโยชน์ทำสมมติให้เกิดประโยชน์ สร้างอานิสงส์ใหญ่ทั้งภายนอกทั้งภายใน อย่าพากันเกียจคร้าน

แม้ตั้งแต่พระชีก็พากันขยันหมั่นเพียร รู้จักช่วยกัน รู้จักมีความเสียสละ มีความรักความสมัครสมานสามัคคี อยู่กันแบบพ่อแบบแม่ แบบพี่แบบน้อง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ทุกคนก็ฝักใฝ่ที่จะหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา อย่าไปใช้อารมณ์ อย่าไปเอาทิฐิมานะเข้าห้ำหั่นกัน ถ้ามีอยู่ที่ตัวของคนใดคนหนึ่ง หรือว่ามีอยู่ที่ใคร ก็พยายามกำจัดออกไปเสีย มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี

ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็พิจารณาเหมือนกันหมดนั่นแหละ เพราะว่ามีรูปมีนาม มีจิตมีวิญญาณเหมือนกันหมด แต่การชำระสะสางกิเลสอันนี้เป็นส่วนของแต่ละบุคคล ว่ากิเลสของเรามันเกิดความทะเยอทะยานอยากหรือไม่ เกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความตระหนี่เหนียวแน่น แล้วก็ลึกลงไป จิตของเราเกิดส่งออกไปภายนอกได้อย่างไร เกิดความยินดีไหมยินร้ายไหม ทุกเรื่องเลยแหละในชีวิตของเรา เราต้องดูต้องรู้ จะเอาจะมีจะเป็นก็เอาด้วยปัญญา

คนมีปัญญาไม่ต้องไปฟังมากไม่ต้องไปอ่านมาก รู้จักวิธีแล้วก็พยายามไปหมั่นสำรวจตรวจตราดูตัวเรา รู้ไม่ทันตั้งแต่ต้นเหตุเราก็รู้จักควบคุมเอาไว้ก่อน ควบคุมเอาไว้เขาเรียกว่า ‘สมถะ’ จนกว่าจิตของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า ออกจากความคิดได้ นั่นแหละเขาถึงจะเรียกว่า ‘ตัววิปัสสนา’ ตามดูจิตรับรู้ เราก็จะเห็นสภาพความเป็นจริงของขันธ์ห้า รู้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า ซึ่งจิตของเราเข้าไปหลงเข้าไปยึดจนทำให้เกิดอัตตาตัวตน

เราไม่อยากจะยึดหรอก แต่มันเข้าไปรวมกันมันก็เลยเป็นสิ่งเดียวกัน เราก็เลยรู้อยู่มันหลงอยู่ในความรู้ตรงนั้น แล้วก็ไปหลงเอาหมดทุกสิ่งทุกอย่าง สมมติเราว่าเราไม่หลง ตราบใดที่เราแยกรูปแยกนามไม่ได้หลงกันทุกคนนั่นแหละ อาจจะหลงอยู่ในบุญในกุศล หลงอยู่ในคุณงามความดี อันนี้ก็เป็นการสร้างอานิสงส์สร้างตบะบารมี ถ้าถึงเวลาแล้วก็เดินปัญญา ทำจิตให้สะอาดให้บริสุทธิ์ได้

วันนี้ถ้าฝนฟ้าไม่ตกก็ขอกำลังพระเราไปช่วยกันเทพื้นโรงครัวให้หน่อยนะ เหลืออยู่ห้องเล็กๆ ช่วยกันเทกัน ฝนไม่ตกไม่นานแป๊บเดียวก็คงจะเสร็จ เราจะได้สะดวกสบาย พรุ่งนี้ก็จะได้เป็นวันลงอุโบสถสังฆกรรมกัน ทางครัวก็จะได้มีที่ทำกับข้าวกับปลาได้สะดวกได้สบาย พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์นั้นด้วย ได้มีอาหารการอยู่ การขบฉันสะดวกสบาย นี่แหละอานิสงส์

ถ้าไม่มีโรงครัวแล้วก็ลำบาก ญาติโยมใครไปใครมาก็ได้อาศัยมาอยู่มาร่วมมาทาน คนนั้นก็เอามาร่วมกันคนนี้ก็เอามาร่วมกัน เราถึงได้ทำสมมติให้น่าอยู่ให้เป็นที่อาศัยได้สะดวกสบาย พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์นั้นด้วย ทุกที่นั่นแหละ ไม่ว่าโรงครัวไม่ว่าศาลา ทางศาลาข้างล่างหลวงพ่อก็ให้ญาติโยมพากันไปทำอยู่ ก็คงจะอีกไม่นานหรอกก็คงจะได้เทคาน เดี๋ยวนี้กำลังมัดคานเหล็กอยู่กำลังจะเสร็จ เหลือศาลาอยู่ทางฝั่งสระลูกตะวันออก ส่วนลูกอยู่ฝั่งตะวันตก หลังจากอันนั้นเสร็จก็คงจะได้มาเริ่มทำอันนี้ ก็เพื่อที่จะอนุเคราะห์ให้ทุกคนที่มาวัดก็จะได้มีสถานที่ได้พักผ่อน ได้ไปพักผ่อนเย็นสบายตาสบายใจอยู่ริมน้ำ ถึงจะลำบากก็อดทนทำ ผ่านความลำบากไปแล้วความสุขความสบายก็จะตามมา อานิสงส์ก็จะได้เกิดกับทุกคน

ถ้าเราไปนึกไปคิดว่าไม่ใช่ของเรา มีตั้งแต่ความเกียจคร้านไม่มีความเสียสละ ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ เอาตัวเองก็ไม่รอด เอาตัวเองไม่รอดหนักกับผู้อื่น หนักกับสถานที่ เราก็ต้องพยายาม เราให้ทานทั้งทางกายทางใจทางวาจาเท่าที่กำลังของเราจะมี ต้องพยายามกัน วันนี้หลวงพ่อก็ขอกำลังอีกสักพักนะทุกคน

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ ทุกคนพากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง