หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 009
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 009
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนจงเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หยุดคิด ดับความกังวลความฟุ้งซ่านต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว ความคิดก็จะหยุด ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะเด่นชัด พยายามหัดสร้างความรู้สึกรับรู้ แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ระลึกได้เมื่อไร เราพยายามสร้างขึ้นมาตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกที่ทำให้เกิดความเคยชิน
แม้แต่ลมหายใจเข้าออกก็อย่าไปบังคับ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติที่สุด การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ก็เพื่อที่จะสร้างความรู้สึกให้เด่นชัด ทีนี้เราก็ผ่อนลมหายใจออกตามปกติธรรมดาดังที่เราหายใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นแหละ ซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ ไม่ใช่ว่าท่องบ่นเอา
บางทีบางคนบางท่านก็ภาวนา พุทเข้า-โธออก พุทเข้า-โธออก แต่ไม่ได้สร้างความรู้สึกรับรู้ไปด้วย อันนี้ก็เปรียบเสมือนกับการท่องบ่น เรียกว่านกแก้วนกขุนทอง เราต้องพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ความระลึกรู้ก็จะตั้งมั่นขึ้น รู้กาย รู้ลมหายใจเข้าออก แล้วก็รู้ความปกติของจิต
เวลาจิตจะก่อตัว หรือว่าจิตจะส่งออกไปภายนอก สติของเราก็ตั้งมั่นรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน สติก็รู้เท่าทันจิต ก็รู้จักควบคุมจิตควบคุมอารมณ์ หรือว่าความคิดจะผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต เราก็รู้ทัน รู้ไม่ทันตั้งแต่ต้นเหตุ เราก็รู้จักดับ
ทุกคนก็มีอานิสงส์ฝักใฝ่ในบุญ สร้างบุญสร้างอานิสงส์กันมา การทำบุญการให้ทาน การให้อภัยทานอโหสิกรรม มีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดี ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การสร้างความระลึกรู้ตัวตรงนี้แหละ ไม่ค่อยจะได้สร้างกันเท่าไหร่ การควบคุมจิตก็อาจจะมีเป็นบางครั้ง ไม่ได้ควบคุมได้ตลอด ไม่ได้ทำความเข้าใจกับจิตของเราให้รับรู้ความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่าง แต่การควบคุมอาจจะมี มีเป็นบางครั้งเป็นบางช่วง
ทำอย่างไรเราถึงจะให้จิตของเราคลายออกจากความหลง เราก็ต้องมาเจริญสติ มาสังเกตมาวิเคราะห์ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน จิตของเราฟุ้งซ่านเราก็รู้จักดับ จิตของเราเกิดความกังวลเกิดความลังเล เกิดความสงสัยต่างๆ เราก็รู้จักควบคุม รู้จักระงับ รู้จักดับ
ถ้าเราเข้าใจแนวทาง เราก็จะมีตั้งแต่ความขยันหมั่นเพียรในการชําระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ก็ต้องพยายามหมั่นเพียรกันเอา หนังสือ หรือว่าครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงตําราชี้แนะแนวทางให้พวกเราเท่านั้น พวกเราก็ต้องพยายามเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง
พูดน้อยนอนน้อย ฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลากิเลสของเราให้มากๆ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็ต้องพยายามเพียรกันให้มากๆ อยู่ที่วัดเรา มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันเหมือนพ่อเหมือนแม่ เหมือนพี่เหมือนน้อง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ต่างคนต่างรู้จักหน้าที่ ต่างคนก็ต่างรู้จักรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ รู้จักช่วยเหลือ มีความเสียสละ
หลวงพ่อขอบคุณทุกคนที่ได้อนุเคราะห์กัน ได้ช่วยเหลือกัน พวกเราก็อยู่ดีมีความสุข ถ้าทุกคนมีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัวก็ลําบาก ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความอนุเคราะห์ หมู่คณะก็ลําบาก ต่างคนต่างมีความเสียสละ รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ ก็มีความสงบความสุข เพราะว่าสภาวะทางสมมติเราก็ไม่ได้เดือดร้อน สถานที่ป่าช้าของเราก็เป็นสัปปายะน่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์
ไปอยู่ที่ไหนก็ สถานที่ตรงไหนมุมไหนก็น่าอยู่น่ารื่นรมย์ เพราะว่าเราได้ทำได้สร้างมาก่อน คนรุ่นก่อนๆ ได้สร้างได้ทำเอาไว้ให้เราได้ฝากฝังเอาไว้ เราก็มาสร้างมาสานต่อ ไม่ใช่ว่าไม่ใช่เป็นสมบัติของเรา เป็นสมบัติของทุกคน เป็นสมบัติของแผ่นดิน เรามาอาศัยอยู่ เราก็พยายามสร้างความเจริญให้กับสถานที่ สร้างความเจริญให้ ดูแลรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด
กว่าจะได้มาเป็นสถานที่สัปปายะได้ก็อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเสียสละของทุกคน จากเล็กๆน้อยๆ สร้างสะสมกาลเวลามาก็หลายปี หลายยุคหลายรุ่นเข้ามาเรื่อยๆ ก็มาถึงยุคของหลวงพ่อก็ได้มาพัฒนา พัฒนาให้มีความน่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ได้เต็มที่ รุ่นหลังต่อไปก็คงจะเป็นสถานที่บุคคลทั่วไปก็คงจะได้เข้ามามาก เพราะว่าได้ฝากฝังเอาไว้ ต้นไม้ก็จะให้ร่มเงาเยอะต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ต้นไม้ยืนต้นต่างๆ ก็ช่วยกันดูแล อย่าไปทำลาย
เวลาเผาไม้เผาอะไรต่างๆ ก็มองดูข้างล่างข้างบน ทางซ้ายข้างขวา ว่าจะไหม้ลวกต้นไม้รึเปล่าเราก็ต้องพยายามดู ต้นไม้แต่ละต้นกว่าจะได้เติบโตขึ้นมาให้ร่มเงาได้ก็ลําบากหลายปี บางทีต้นเล็กๆ ก็มี ต้นสูงเมตรสองเมตรถ้าโดนไฟครอกเข้าไปนิดเดียวมันก็เฉาตายก็มี กว่าจะได้ขึ้นมาแต่ละต้นนี่ลําบาก ปลูกทุกปี
หลังจากที่หลวงพ่อเข้ามาร่วม 20 กว่าปีมา ปลูกกันทุกปี ต้นไหนเหลือก็รักษาไว้ ต้นไหนตายก็เพิ่มเสริมเข้ามา ไม่ใช่ว่าเรามาแล้วก็จะมาทำลายกัน ไม่ใช่ เราต้องมาช่วยกันดูแลรักษาตั้งแต่ปากทางเข้ามาโน่นแหละ ตั้งแต่สมัยก่อนนั้นยังเป็นทะเลอยู่เลย เข้ามาก็ยากลําบาก หาทางที่จะเข้าป่านี่ก็ลําบาก มีแต่ป่ารกป่าหนามกันทั้งนั้น
ทีนี้เข้ามาแล้ว ทุกวันนี้ก็เป็นที่น่าอยู่น่าอาศัยกัน เราก็ช่วยกันรักษา ช่วยกันทะนุบํารุง คนรุ่นหลังมาก็จะได้มาสร้างมาสานต่อ ไม่ต้องมาได้เริ่มต้นใหม่ เราก็ต้องพยายามกัน ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ได้ช่วยกัน ได้อนุเคราะห์ให้สถานที่ของเราอยู่ดีมีความสุข
นี่แหละไปที่ไหนมาที่ไหน ถ้าเรามีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ถ้าเราไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความเสียสละ มีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัว ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีมิตรไม่มีบริวาร ไปอยู่ที่ไหนก็ทุกข์ อยู่คนเดียวก็ทุกข์ อยู่หลายคนก็ทุกข์ เราก็ต้องพยายามช่วยกัน
เรื่องการเจริญสติ การเจริญสมาธิ อันนี้เป็นหน้าที่ของทุกคน เป็นหน้าที่ของตัวเราเอง ว่าเราจะทำหรือไม่ทำ เหมือนกับเราหิวถ้าเราไม่รับประทานอาหารเราก็ไม่อิ่ม ถ้าเราไม่ฝึกหัดปฏิบัติ ไม่เจริญสติขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ก็ไม่มีใครที่จะทำให้ได้ ถึงจะไปปฏิบัติที่ไหน ไปฝึกหัดปฏิบัติที่ไหน ถ้าการเจริญสติเข้าไปชําระสะสางกิเลสไม่มี มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
เราก็ต้องพยายามทำอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณาหมั่นแก้ไข หมั่นสํารวจตรวจตราดูรู้จิตของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจิตของเราสงบหรือไม่ จิตของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล มีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน หรือว่าจิตของเราส่งออกไปข้างนอกสักกี่เรื่อง เรื่องอะไรบ้าง เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เหตุการณ์จากภายนอกทำให้จิตของเราเกิด หรือว่าตากระทบรูป หูกระทบเสียง จิตของเรายังนิ่งอยู่หรือไม่ นิวรณธรรมต่างๆ เข้าครอบงำจิตของเราหรือเปล่า เราก็ต้องพยายามหัดวิเคราะห์ตัวเราเองตลอดเวลา ถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง
แม้แต่ลมหายใจเข้าออกก็อย่าไปบังคับ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติที่สุด การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ก็เพื่อที่จะสร้างความรู้สึกให้เด่นชัด ทีนี้เราก็ผ่อนลมหายใจออกตามปกติธรรมดาดังที่เราหายใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นแหละ ซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ ไม่ใช่ว่าท่องบ่นเอา
บางทีบางคนบางท่านก็ภาวนา พุทเข้า-โธออก พุทเข้า-โธออก แต่ไม่ได้สร้างความรู้สึกรับรู้ไปด้วย อันนี้ก็เปรียบเสมือนกับการท่องบ่น เรียกว่านกแก้วนกขุนทอง เราต้องพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ความระลึกรู้ก็จะตั้งมั่นขึ้น รู้กาย รู้ลมหายใจเข้าออก แล้วก็รู้ความปกติของจิต
เวลาจิตจะก่อตัว หรือว่าจิตจะส่งออกไปภายนอก สติของเราก็ตั้งมั่นรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน สติก็รู้เท่าทันจิต ก็รู้จักควบคุมจิตควบคุมอารมณ์ หรือว่าความคิดจะผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต เราก็รู้ทัน รู้ไม่ทันตั้งแต่ต้นเหตุ เราก็รู้จักดับ
ทุกคนก็มีอานิสงส์ฝักใฝ่ในบุญ สร้างบุญสร้างอานิสงส์กันมา การทำบุญการให้ทาน การให้อภัยทานอโหสิกรรม มีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดี ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การสร้างความระลึกรู้ตัวตรงนี้แหละ ไม่ค่อยจะได้สร้างกันเท่าไหร่ การควบคุมจิตก็อาจจะมีเป็นบางครั้ง ไม่ได้ควบคุมได้ตลอด ไม่ได้ทำความเข้าใจกับจิตของเราให้รับรู้ความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่าง แต่การควบคุมอาจจะมี มีเป็นบางครั้งเป็นบางช่วง
ทำอย่างไรเราถึงจะให้จิตของเราคลายออกจากความหลง เราก็ต้องมาเจริญสติ มาสังเกตมาวิเคราะห์ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน จิตของเราฟุ้งซ่านเราก็รู้จักดับ จิตของเราเกิดความกังวลเกิดความลังเล เกิดความสงสัยต่างๆ เราก็รู้จักควบคุม รู้จักระงับ รู้จักดับ
ถ้าเราเข้าใจแนวทาง เราก็จะมีตั้งแต่ความขยันหมั่นเพียรในการชําระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ก็ต้องพยายามหมั่นเพียรกันเอา หนังสือ หรือว่าครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงตําราชี้แนะแนวทางให้พวกเราเท่านั้น พวกเราก็ต้องพยายามเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง
พูดน้อยนอนน้อย ฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลากิเลสของเราให้มากๆ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็ต้องพยายามเพียรกันให้มากๆ อยู่ที่วัดเรา มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันเหมือนพ่อเหมือนแม่ เหมือนพี่เหมือนน้อง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ต่างคนต่างรู้จักหน้าที่ ต่างคนก็ต่างรู้จักรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ รู้จักช่วยเหลือ มีความเสียสละ
หลวงพ่อขอบคุณทุกคนที่ได้อนุเคราะห์กัน ได้ช่วยเหลือกัน พวกเราก็อยู่ดีมีความสุข ถ้าทุกคนมีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัวก็ลําบาก ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความอนุเคราะห์ หมู่คณะก็ลําบาก ต่างคนต่างมีความเสียสละ รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ ก็มีความสงบความสุข เพราะว่าสภาวะทางสมมติเราก็ไม่ได้เดือดร้อน สถานที่ป่าช้าของเราก็เป็นสัปปายะน่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์
ไปอยู่ที่ไหนก็ สถานที่ตรงไหนมุมไหนก็น่าอยู่น่ารื่นรมย์ เพราะว่าเราได้ทำได้สร้างมาก่อน คนรุ่นก่อนๆ ได้สร้างได้ทำเอาไว้ให้เราได้ฝากฝังเอาไว้ เราก็มาสร้างมาสานต่อ ไม่ใช่ว่าไม่ใช่เป็นสมบัติของเรา เป็นสมบัติของทุกคน เป็นสมบัติของแผ่นดิน เรามาอาศัยอยู่ เราก็พยายามสร้างความเจริญให้กับสถานที่ สร้างความเจริญให้ ดูแลรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด
กว่าจะได้มาเป็นสถานที่สัปปายะได้ก็อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเสียสละของทุกคน จากเล็กๆน้อยๆ สร้างสะสมกาลเวลามาก็หลายปี หลายยุคหลายรุ่นเข้ามาเรื่อยๆ ก็มาถึงยุคของหลวงพ่อก็ได้มาพัฒนา พัฒนาให้มีความน่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ได้เต็มที่ รุ่นหลังต่อไปก็คงจะเป็นสถานที่บุคคลทั่วไปก็คงจะได้เข้ามามาก เพราะว่าได้ฝากฝังเอาไว้ ต้นไม้ก็จะให้ร่มเงาเยอะต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ต้นไม้ยืนต้นต่างๆ ก็ช่วยกันดูแล อย่าไปทำลาย
เวลาเผาไม้เผาอะไรต่างๆ ก็มองดูข้างล่างข้างบน ทางซ้ายข้างขวา ว่าจะไหม้ลวกต้นไม้รึเปล่าเราก็ต้องพยายามดู ต้นไม้แต่ละต้นกว่าจะได้เติบโตขึ้นมาให้ร่มเงาได้ก็ลําบากหลายปี บางทีต้นเล็กๆ ก็มี ต้นสูงเมตรสองเมตรถ้าโดนไฟครอกเข้าไปนิดเดียวมันก็เฉาตายก็มี กว่าจะได้ขึ้นมาแต่ละต้นนี่ลําบาก ปลูกทุกปี
หลังจากที่หลวงพ่อเข้ามาร่วม 20 กว่าปีมา ปลูกกันทุกปี ต้นไหนเหลือก็รักษาไว้ ต้นไหนตายก็เพิ่มเสริมเข้ามา ไม่ใช่ว่าเรามาแล้วก็จะมาทำลายกัน ไม่ใช่ เราต้องมาช่วยกันดูแลรักษาตั้งแต่ปากทางเข้ามาโน่นแหละ ตั้งแต่สมัยก่อนนั้นยังเป็นทะเลอยู่เลย เข้ามาก็ยากลําบาก หาทางที่จะเข้าป่านี่ก็ลําบาก มีแต่ป่ารกป่าหนามกันทั้งนั้น
ทีนี้เข้ามาแล้ว ทุกวันนี้ก็เป็นที่น่าอยู่น่าอาศัยกัน เราก็ช่วยกันรักษา ช่วยกันทะนุบํารุง คนรุ่นหลังมาก็จะได้มาสร้างมาสานต่อ ไม่ต้องมาได้เริ่มต้นใหม่ เราก็ต้องพยายามกัน ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ได้ช่วยกัน ได้อนุเคราะห์ให้สถานที่ของเราอยู่ดีมีความสุข
นี่แหละไปที่ไหนมาที่ไหน ถ้าเรามีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ถ้าเราไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความเสียสละ มีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัว ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีมิตรไม่มีบริวาร ไปอยู่ที่ไหนก็ทุกข์ อยู่คนเดียวก็ทุกข์ อยู่หลายคนก็ทุกข์ เราก็ต้องพยายามช่วยกัน
เรื่องการเจริญสติ การเจริญสมาธิ อันนี้เป็นหน้าที่ของทุกคน เป็นหน้าที่ของตัวเราเอง ว่าเราจะทำหรือไม่ทำ เหมือนกับเราหิวถ้าเราไม่รับประทานอาหารเราก็ไม่อิ่ม ถ้าเราไม่ฝึกหัดปฏิบัติ ไม่เจริญสติขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ก็ไม่มีใครที่จะทำให้ได้ ถึงจะไปปฏิบัติที่ไหน ไปฝึกหัดปฏิบัติที่ไหน ถ้าการเจริญสติเข้าไปชําระสะสางกิเลสไม่มี มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
เราก็ต้องพยายามทำอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณาหมั่นแก้ไข หมั่นสํารวจตรวจตราดูรู้จิตของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจิตของเราสงบหรือไม่ จิตของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล มีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน หรือว่าจิตของเราส่งออกไปข้างนอกสักกี่เรื่อง เรื่องอะไรบ้าง เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เหตุการณ์จากภายนอกทำให้จิตของเราเกิด หรือว่าตากระทบรูป หูกระทบเสียง จิตของเรายังนิ่งอยู่หรือไม่ นิวรณธรรมต่างๆ เข้าครอบงำจิตของเราหรือเปล่า เราก็ต้องพยายามหัดวิเคราะห์ตัวเราเองตลอดเวลา ถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง