หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 100
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 100
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความสงบให้มีให้เกิดขึ้นในใจของพวกเรา ด้วยการเจริญอานาปานสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าของเรา นั่งตามอิริยาบถให้สบาย วางกายให้สบาย วางภาระหน้าที่การงานต่างๆ ทางบ้านพวกเราก็วางกันมาแล้ว
ทีนี้ ขณะที่เรานั่งอยู่นี้ เรามาหยุดยับยั้งความนึกคิดปรุงแต่งที่เกิดจากจิตของเรา หรือว่าเกิดจากขันธ์ห้า ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจอย่าไปเพ่งลมหายใจ
แม้ตั้งแต่เรื่องของการหายใจเข้าออกพวกเรายังขาดการสังเกต ยังขาดการวิเคราะห์ ปล่อยให้ลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกโดยที่ขาดการทำความเข้าใจ พวกเราก็เลยประมาทไป ตามปกติในทางโลกก็ว่าไม่ประมาท รู้จักขยันหมั่นเพียร รู้จักสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์สร้างบารมี แต่การเจริญสติไม่มี ก็เลยไม่เข้าใจเรื่องจิต ลักษณะการเกิดของจิต ลักษณะของจิตที่สงบ ลักษณะของจิตที่ปราศจากกิเลส ขาดการทำความเข้าใจตรงนี้ ก็เลยทำให้จิตของพวกเรานี่หลง หลงเกิด หลงวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติกี่กัปกี่กัลป์
เดี๋ยวก็ขึ้นสวรรค์เดี๋ยวก็ลงนรก เดี๋ยวก็ไปๆ มาๆ แล้วก็เป็นมนุษย์เป็นสัตว์เดรัจฉาน โอกาสดี เป็นบุญที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ สร้างบุญมาดีแล้วถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในขณะที่พวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราก็ต้องพยายามศึกษา หาหนทางเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วได้ไว
ดวงจิตทุกดวงต้องไปถึงนิพพาน ต้องเดินถึง จะถึงช้าหรือถึงเร็ว อันนี้ก็ขึ้นอยู่ความเพียรของแต่ละบุคคล บางคนก็ช้าหลายกัปหลายกัลป์ บางคนก็เร็ว ถ้าบุคคลใดที่สร้างบุญสร้างอานิสงส์มาดี ก็อาจจะถึงในภพนี้ก็ได้ ในภพชาติปัจจุบัน แล้วก็รู้ด้วยว่าเราจะถึงหรือไม่ถึง ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ไม่ต้องไปรอเอาวันหน้า เอาชาติหน้า เอาภพหน้า นิพพานก็อยู่ที่ใจของเรานี่แหละ
ใจของเรา หรือว่าวิญญาณของเรา ตามธรรมดาใจของทุกคนนั้นก็สะอาดบริสุทธิ์ จิตใจดวงเดิมที่ไม่มีกิเลสไม่มีการเกิด แต่กาลเวลาทำให้จิตของพวกเรานี่หลง หลงเกิดหลงยินดียินร้ายในสิ่งต่างๆ หลงเป็นทาสของอารมณ์ หลงเป็นทาสของกิเลส ไม่เข้าใจในหลักธรรมชาติที่แท้จริง ทำให้จิตต้องวนเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด เราต้องมาเจริญสติมาเจริญตบะบารมี เพื่อที่จะทำให้จิตของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์
เราไม่เข้าใจแนวทาง เราถึงแสวงหาแนวทาง แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผยให้ทุกคนได้เดินตาม การเจริญพรหมวิหาร การสร้างบารมี ศรัทธาของทุกคนรู้สึกว่าจะมีกันไม่มากก็น้อย ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น ความเมตตาพรหมวิหาร การควบคุมจิต อันนี้มีเป็นบางครั้ง
ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ได้ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ตรงนี้แหละสำคัญ ส่วนมากจะไม่ค่อยจะสนใจกัน เลยปล่อยปละละเลย อยากจะได้อยู่ แต่การลงมือไม่มี การกระทำไม่มี การละกิเลสไม่มี การดับไม่มี มันก็ยากอยู่ ก็ได้แค่ทำบุญถวายทาน ทำบุญ มีความเสียสละ ชำระสะสางกิเลสเป็นบางช่วงบางครั้ง ไม่ขัดเกลาคลายออกให้หมดจากจิตของเรา
ในหลักธรรมนั้น ท่านให้ละความอยาก ละความหวัง ละกิเลส แม้แต่ความอยากแม้นิดเดียวก็ไม่ให้เกิดขึ้นที่จิต อยาก อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา อยากจะรู้ธรรม ท่านต้องละ ดับความเกิดเลยแหละ ดับความเกิด ดับความคิด แม้แต่อยากคิด เราต้องสร้างสติ สร้างความรู้ตัวเข้าไปควบคุมจิต แล้วก็คลายจิตออกจากความหลง
แล้วก็มันพร่ำสอนจิตของเราอยู่ตลอดเวลา ตากระทบรูปจิตของเราเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงจิตของเราเป็นอย่างไร เราทำนู่นทำนี่ จิตของเราเกิดความอยาก เกิดความยินดียินร้ายหรือไม่ เราจะมีความสุข สุขภายในแล้วก็ได้บริบูรณ์
ความสุขที่เกิดจากใจที่มีความอิ่มความเต็ม ไม่มีความทะเยอทะยานอยาก ไม่เป็นทาสของอารมณ์ ไม่เป็นทาสของกิเลส ส่วนสมมติภายนอกเราก็ทำ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้แล้วก็ประโยชน์ในโลกหน้า เราเอาประโยชน์อยู่ในโลกปัจจุบันนี้ให้ดี มีโอกาส อย่าไปปิดโอกาสตัวเอง เราเปิดโอกาสให้กับสำหรับตัวของเรา ได้ทำบุญให้ตัวของเรา ทำบุญให้กับหมู่กับคณะ กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
ตื่นขึ้นมาเรารู้ใจของเรา รู้กายของเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี อะไรเราขาดตกบกพร่อง เราก็พยายามแก้ไข อะไรมันผิดพลาดเราก็แก้ไข รู้จักให้อภัยทาน มองโลกในทางที่ดี คิดดีแล้วก็ทำดีตลอดเวลา กายวาจาใจของเราก็จะเป็นบุญ
เพียงแค่ความนึกคิดปรุงแต่ง คิดก็คิดในทางกุศล ถ้าอกุศลก็พยายามละ พยายามรีบสร้างบุญสร้างอานิสงส์เอาขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดกำลังแล้วก็หมดโอกาส หลวงพ่อก็พาทำบุญสร้างอานิสงส์อยู่ตลอดเวลา เท่าที่โอกาสอำนวยให้ พาทำมาตลอดตั้งแต่ออกบวชนั่นแหละ พาทำมาตลอด ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน พาทำบุญพาให้ทานสารพัดอย่าง พาปล่อยชีวิตโคกระบือก็พาทำ เดี๋ยวนี้ก็ยังพาทำอยู่ตลอด
วันที่ 21 เดือนหน้า เดือนธันวาคม ก็จะได้อัญเชิญพระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศของเรา แล้วก็พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกสูง 7 เมตร ซึ่งจะได้มาแกะอยู่ที่นี่ เพื่อจะเป็นวิหารรวมหยก ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธองค์ หยกก็เป็นของมีค่ามากมายมหาศาล ถ้าไม่มีบุญไม่มีวาสนา ไม่มีอานิสงส์ ไม่มีบริวาร ไม่มีความเพียบพร้อมก็คงจะไม่ได้มีโอกาสได้ทำอย่างนี้
พวกเรามีบุญ นับว่าเป็นบุคคลที่มีบุญมีวาสนา มีโอกาสได้มาสร้างบุญร่วมกัน หลวงพ่อก็ขอเชิญญาติโยมทุกคน มีโอกาสให้มาร่วมกัน มาอนุโมทนาสาธุร่วมกัน ญาติโยมท่านใดอยากจะมาสร้างโรงทาน วันที่ 21 ก็มาลงชื่อเอาไว้ เห็นว่ามาลงชื่อเอาไว้ได้ประมาณสัก 20 กว่าท่านแล้วมั้ง จะมาตั้งโรงทานวันที่ 21 วันที่จะอัญเชิญพระพุทธหยกขึ้นบนแท่น
ทุกครั้งญาติโยมมาตั้งโรงทานกันเป็น 70-80 เป็น 100 กว่าโรง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ กายมาไม่ได้ก็ถวายจตุปัจจัยมาร่วมบุญมาร่วมทาน น้อมใจเข้ามาอนุโมทนาสาธุ เรามีส่วนร่วมเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นบุญ จากน้อยๆ นี่แหละไปหาโอกาสอันมากๆ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ยากที่โอกาสจะเปิดให้ โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ ความพร้อมของเรามีหรือยัง ตรงนี้แหละเราต้องพยายามรีบสร้างรีบขวนขวายให้มีให้เกิด เราทำมากก็เป็นของเรา เราทำน้อยก็เป็นของเรา ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจของเราก็อิ่มปีติเบิกบาน สูงขึ้นไปแล้ว ก็ดำเนินตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
การเจริญสติการสร้างความรู้ตัวเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ จิตวิเวกเป็นอย่างนี้ สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริง การแยกรูปแยกนาม การตามทำความเข้าใจ รอบรู้ในกองสังขารของตัวเราเอง กองสังขารในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร สมมติเป็นอย่างไร โลกธรรมแปด โลกเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ ลาภยศสรรเสริญสุขทุกข์นินทา เขาก็เป็นของคู่กันอยู่อย่างนี้
คนเราเกิดมาแล้วจะไปที่ไหน จุดมุ่งหมายอยู่ที่ตรงไหน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีปัจจัย เราต้องตามทำความเข้าใจให้ถึงต้นเหตุ แล้วก็รู้จักทำความเข้าใจจิตใจของเรา เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วเขาก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร เขาก็จะปล่อยเขาก็จะวาง การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เอา การเป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา
ทำไปเพื่อยังประโยชน์ของสมมติให้เกิดประโยชน์ เป็นสมบัติของทุกคน เป็นสมบัติของแผ่นดิน ฝากฝังเอาไว้ให้โลกสมมติ มีโอกาสก็ขอเชิญชวนทุกคนนะ มาที่นี่ก็มาบ้านของเรา มาแล้วก็วางความกังวล วางความวุ่นวายต่างๆ มาพักสมองมาพักกาย มาเจริญสติมาเจริญสมาธิ มาหัดวิเคราะห์มาสำรวจ จากน้อยๆ ไปหามากๆ สักวันหนึ่งพวกเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกันได้
ไม่ว่าพระไม่ว่าโยมไม่ว่าชี เข้ามาที่นี่แล้วก็ให้มีแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกัน แล้วก็ให้ช่วยเหลือกัน มีอะไรขาดตกบกพร่องขอให้ช่วยเหลือกัน อย่าไปอคติอย่าไปเพ่งโทษ อะไรไม่ดีเราก็รีบแก้ไขเสีย ก็จะกลายเป็นดีไปหมด
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
ทีนี้ ขณะที่เรานั่งอยู่นี้ เรามาหยุดยับยั้งความนึกคิดปรุงแต่งที่เกิดจากจิตของเรา หรือว่าเกิดจากขันธ์ห้า ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจอย่าไปเพ่งลมหายใจ
แม้ตั้งแต่เรื่องของการหายใจเข้าออกพวกเรายังขาดการสังเกต ยังขาดการวิเคราะห์ ปล่อยให้ลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกโดยที่ขาดการทำความเข้าใจ พวกเราก็เลยประมาทไป ตามปกติในทางโลกก็ว่าไม่ประมาท รู้จักขยันหมั่นเพียร รู้จักสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์สร้างบารมี แต่การเจริญสติไม่มี ก็เลยไม่เข้าใจเรื่องจิต ลักษณะการเกิดของจิต ลักษณะของจิตที่สงบ ลักษณะของจิตที่ปราศจากกิเลส ขาดการทำความเข้าใจตรงนี้ ก็เลยทำให้จิตของพวกเรานี่หลง หลงเกิด หลงวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติกี่กัปกี่กัลป์
เดี๋ยวก็ขึ้นสวรรค์เดี๋ยวก็ลงนรก เดี๋ยวก็ไปๆ มาๆ แล้วก็เป็นมนุษย์เป็นสัตว์เดรัจฉาน โอกาสดี เป็นบุญที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ สร้างบุญมาดีแล้วถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในขณะที่พวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราก็ต้องพยายามศึกษา หาหนทางเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วได้ไว
ดวงจิตทุกดวงต้องไปถึงนิพพาน ต้องเดินถึง จะถึงช้าหรือถึงเร็ว อันนี้ก็ขึ้นอยู่ความเพียรของแต่ละบุคคล บางคนก็ช้าหลายกัปหลายกัลป์ บางคนก็เร็ว ถ้าบุคคลใดที่สร้างบุญสร้างอานิสงส์มาดี ก็อาจจะถึงในภพนี้ก็ได้ ในภพชาติปัจจุบัน แล้วก็รู้ด้วยว่าเราจะถึงหรือไม่ถึง ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ไม่ต้องไปรอเอาวันหน้า เอาชาติหน้า เอาภพหน้า นิพพานก็อยู่ที่ใจของเรานี่แหละ
ใจของเรา หรือว่าวิญญาณของเรา ตามธรรมดาใจของทุกคนนั้นก็สะอาดบริสุทธิ์ จิตใจดวงเดิมที่ไม่มีกิเลสไม่มีการเกิด แต่กาลเวลาทำให้จิตของพวกเรานี่หลง หลงเกิดหลงยินดียินร้ายในสิ่งต่างๆ หลงเป็นทาสของอารมณ์ หลงเป็นทาสของกิเลส ไม่เข้าใจในหลักธรรมชาติที่แท้จริง ทำให้จิตต้องวนเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด เราต้องมาเจริญสติมาเจริญตบะบารมี เพื่อที่จะทำให้จิตของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์
เราไม่เข้าใจแนวทาง เราถึงแสวงหาแนวทาง แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผยให้ทุกคนได้เดินตาม การเจริญพรหมวิหาร การสร้างบารมี ศรัทธาของทุกคนรู้สึกว่าจะมีกันไม่มากก็น้อย ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น ความเมตตาพรหมวิหาร การควบคุมจิต อันนี้มีเป็นบางครั้ง
ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ได้ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ตรงนี้แหละสำคัญ ส่วนมากจะไม่ค่อยจะสนใจกัน เลยปล่อยปละละเลย อยากจะได้อยู่ แต่การลงมือไม่มี การกระทำไม่มี การละกิเลสไม่มี การดับไม่มี มันก็ยากอยู่ ก็ได้แค่ทำบุญถวายทาน ทำบุญ มีความเสียสละ ชำระสะสางกิเลสเป็นบางช่วงบางครั้ง ไม่ขัดเกลาคลายออกให้หมดจากจิตของเรา
ในหลักธรรมนั้น ท่านให้ละความอยาก ละความหวัง ละกิเลส แม้แต่ความอยากแม้นิดเดียวก็ไม่ให้เกิดขึ้นที่จิต อยาก อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา อยากจะรู้ธรรม ท่านต้องละ ดับความเกิดเลยแหละ ดับความเกิด ดับความคิด แม้แต่อยากคิด เราต้องสร้างสติ สร้างความรู้ตัวเข้าไปควบคุมจิต แล้วก็คลายจิตออกจากความหลง
แล้วก็มันพร่ำสอนจิตของเราอยู่ตลอดเวลา ตากระทบรูปจิตของเราเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงจิตของเราเป็นอย่างไร เราทำนู่นทำนี่ จิตของเราเกิดความอยาก เกิดความยินดียินร้ายหรือไม่ เราจะมีความสุข สุขภายในแล้วก็ได้บริบูรณ์
ความสุขที่เกิดจากใจที่มีความอิ่มความเต็ม ไม่มีความทะเยอทะยานอยาก ไม่เป็นทาสของอารมณ์ ไม่เป็นทาสของกิเลส ส่วนสมมติภายนอกเราก็ทำ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้แล้วก็ประโยชน์ในโลกหน้า เราเอาประโยชน์อยู่ในโลกปัจจุบันนี้ให้ดี มีโอกาส อย่าไปปิดโอกาสตัวเอง เราเปิดโอกาสให้กับสำหรับตัวของเรา ได้ทำบุญให้ตัวของเรา ทำบุญให้กับหมู่กับคณะ กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
ตื่นขึ้นมาเรารู้ใจของเรา รู้กายของเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี อะไรเราขาดตกบกพร่อง เราก็พยายามแก้ไข อะไรมันผิดพลาดเราก็แก้ไข รู้จักให้อภัยทาน มองโลกในทางที่ดี คิดดีแล้วก็ทำดีตลอดเวลา กายวาจาใจของเราก็จะเป็นบุญ
เพียงแค่ความนึกคิดปรุงแต่ง คิดก็คิดในทางกุศล ถ้าอกุศลก็พยายามละ พยายามรีบสร้างบุญสร้างอานิสงส์เอาขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดกำลังแล้วก็หมดโอกาส หลวงพ่อก็พาทำบุญสร้างอานิสงส์อยู่ตลอดเวลา เท่าที่โอกาสอำนวยให้ พาทำมาตลอดตั้งแต่ออกบวชนั่นแหละ พาทำมาตลอด ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน พาทำบุญพาให้ทานสารพัดอย่าง พาปล่อยชีวิตโคกระบือก็พาทำ เดี๋ยวนี้ก็ยังพาทำอยู่ตลอด
วันที่ 21 เดือนหน้า เดือนธันวาคม ก็จะได้อัญเชิญพระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศของเรา แล้วก็พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกสูง 7 เมตร ซึ่งจะได้มาแกะอยู่ที่นี่ เพื่อจะเป็นวิหารรวมหยก ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธองค์ หยกก็เป็นของมีค่ามากมายมหาศาล ถ้าไม่มีบุญไม่มีวาสนา ไม่มีอานิสงส์ ไม่มีบริวาร ไม่มีความเพียบพร้อมก็คงจะไม่ได้มีโอกาสได้ทำอย่างนี้
พวกเรามีบุญ นับว่าเป็นบุคคลที่มีบุญมีวาสนา มีโอกาสได้มาสร้างบุญร่วมกัน หลวงพ่อก็ขอเชิญญาติโยมทุกคน มีโอกาสให้มาร่วมกัน มาอนุโมทนาสาธุร่วมกัน ญาติโยมท่านใดอยากจะมาสร้างโรงทาน วันที่ 21 ก็มาลงชื่อเอาไว้ เห็นว่ามาลงชื่อเอาไว้ได้ประมาณสัก 20 กว่าท่านแล้วมั้ง จะมาตั้งโรงทานวันที่ 21 วันที่จะอัญเชิญพระพุทธหยกขึ้นบนแท่น
ทุกครั้งญาติโยมมาตั้งโรงทานกันเป็น 70-80 เป็น 100 กว่าโรง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ กายมาไม่ได้ก็ถวายจตุปัจจัยมาร่วมบุญมาร่วมทาน น้อมใจเข้ามาอนุโมทนาสาธุ เรามีส่วนร่วมเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นบุญ จากน้อยๆ นี่แหละไปหาโอกาสอันมากๆ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ยากที่โอกาสจะเปิดให้ โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ ความพร้อมของเรามีหรือยัง ตรงนี้แหละเราต้องพยายามรีบสร้างรีบขวนขวายให้มีให้เกิด เราทำมากก็เป็นของเรา เราทำน้อยก็เป็นของเรา ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจของเราก็อิ่มปีติเบิกบาน สูงขึ้นไปแล้ว ก็ดำเนินตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
การเจริญสติการสร้างความรู้ตัวเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ จิตวิเวกเป็นอย่างนี้ สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริง การแยกรูปแยกนาม การตามทำความเข้าใจ รอบรู้ในกองสังขารของตัวเราเอง กองสังขารในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร สมมติเป็นอย่างไร โลกธรรมแปด โลกเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ ลาภยศสรรเสริญสุขทุกข์นินทา เขาก็เป็นของคู่กันอยู่อย่างนี้
คนเราเกิดมาแล้วจะไปที่ไหน จุดมุ่งหมายอยู่ที่ตรงไหน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีปัจจัย เราต้องตามทำความเข้าใจให้ถึงต้นเหตุ แล้วก็รู้จักทำความเข้าใจจิตใจของเรา เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วเขาก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร เขาก็จะปล่อยเขาก็จะวาง การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เอา การเป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา
ทำไปเพื่อยังประโยชน์ของสมมติให้เกิดประโยชน์ เป็นสมบัติของทุกคน เป็นสมบัติของแผ่นดิน ฝากฝังเอาไว้ให้โลกสมมติ มีโอกาสก็ขอเชิญชวนทุกคนนะ มาที่นี่ก็มาบ้านของเรา มาแล้วก็วางความกังวล วางความวุ่นวายต่างๆ มาพักสมองมาพักกาย มาเจริญสติมาเจริญสมาธิ มาหัดวิเคราะห์มาสำรวจ จากน้อยๆ ไปหามากๆ สักวันหนึ่งพวกเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกันได้
ไม่ว่าพระไม่ว่าโยมไม่ว่าชี เข้ามาที่นี่แล้วก็ให้มีแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกัน แล้วก็ให้ช่วยเหลือกัน มีอะไรขาดตกบกพร่องขอให้ช่วยเหลือกัน อย่าไปอคติอย่าไปเพ่งโทษ อะไรไม่ดีเราก็รีบแก้ไขเสีย ก็จะกลายเป็นดีไปหมด
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ