หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 089

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 089
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 089
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเองให้เกิดความเคยชิน ถ้าเรารู้จักน้อมเข้าไปวิเคราะห์เรา รู้จักพิจารณาเรา เราก็จะรู้จักจุดบกพร่องของเรา แม้ตั้งแต่เรื่องของการหายใจเข้าออก ความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่อง อันนี้เป็นอุบายที่จะให้มีสติน้อมเข้าไปรู้กาย รู้กายแล้วก็รู้จิต รู้ลักษณะของจิต รู้ลักษณะของความคิดของอารมณ์ รู้ภายใน จัดระบบระเบียบของความคิด ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมให้ถูกต้อง ไม่ให้หลง

แล้วก็รู้จักจัดระบบระเบียบสมมติภายนอกให้ดี อะไรเรายังขาดตกบกพร่อง อะไรเรายังรู้ไม่ถึง หรือว่าเรายังไม่ได้จัดการทำให้เรียบร้อย เราก็ต้องรีบทำรีบแก้ไข รีบปรับปรุงแก้ไขตัวเรา ในความเป็นอยู่ของเราตลอดเวลา

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อะไรไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกียจคร้าน เรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น อารมณ์เกิดขึ้นมาในลักษณะอย่างไร ความคิดเกิดขึ้นมาในลักษณะอย่างไร แต่ละวันเราได้ทำอะไรลงไปบ้าง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เป็นประโยชน์น้อยประโยชน์มาก ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์เฉพาะหน้าหรือว่าประโยชน์ในอนาคต เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์พิจารณาให้ละเอียด

ต้องพยายามทำความเข้าใจกับโลกธรรมแปด โลกเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ ทุกวันนี้โลกของเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปมากมาย เพราะว่ามนุษย์ทำลายบรรยากาศของโลก ทั้งบนดินทั้งใต้ดินทั้งบนฟ้า พากันทำลาย ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ส่วนการที่จะทะนุบำรุงให้กลับคืนสู่สภาวะเดิมนั้นก็ยาก จะต้องพยายามพากันทำ พากันทำพากันปลูกต้นไม้ให้ได้ร่มเงาร่มเย็น ปลูกต้นไม้อะไรพอที่จะรักษาธรรมชาติได้เราก็พยายามรักษา

ช่วยกันประหยัด ประหยัดทุกอย่างในชีวิตประจำวันของเรา ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจของเราทุกวันนี้ก็ยิ่งย่ำแย่ ยิ่งประเทศของเราก็ยิ่งย่ำแย่หนัก ไม่ใช่เฉพาะประเทศของเรา ไล่ลงมาจากตัวของโลกนั่นแหละ ลงมาลึกลงมาของประเทศไทยของเรา ลึกลงมาจังหวัดของเรา หมู่บ้านของเรา ตำบลของเรา เราก็ไล่ลงมาก็ครอบครัวของเรา เราควรที่จะพิจารณาประหยัดอะไรได้เราก็ประหยัด

อยู่ที่บ้านของเรา หรือว่าอยู่ที่วัด เราก็พยายามช่วยกัน ช่วยกันประหยัด อะไรพอที่จะทำให้เกิดประโยชน์ได้เราก็ทำ อะไรเราพอที่จะลดได้ เราก็พยายามลด อันนี้ก็ใกล้หน้าหนาวเข้ามาแล้วแหละ พยายามกัน มีความรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ของเรา

ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอนพยายามทำให้เรียบร้อย อยู่อย่างประหยัด อยู่อย่างสมัยเก่า อะไรเป็นส่วนเกินเราก็รู้จักบั่นทอนตัดออก การใช้ฟืนใช้ไฟก็เหมือนกัน เราพยายามช่วยกันประหยัด ยิ่งสภาวะทุกวันนี้ยิ่งหนักเข้าไปเรื่อยๆ ถึงจะมีมาก เราไม่ลำบาก แต่เราก็ต้องรู้จักประหยัด การใช้ไฟในวัดก็เหมือนกัน การต้มน้ำร้อนน้ำชาก็อย่าไปเสียบทิ้งเอาไว้ กาน้ำร้อน หรือว่าไฟฟ้าที่ไหนที่เปิดทิ้งเอาไว้ก็รู้จักปิด ไม่ใช่ว่าเปิดแช่เอาไว้เปิดทิ้งเอาไว้ อะไรเราพอช่วยกันประหยัดลงได้จากคนหนึ่ง 2 คน 3 คน ก็มากขึ้นๆๆ ถ้าเรามีตั้งแต่พากันใช้ฟุ่มเฟือย ต่อไปวันข้างหน้าก็จะลำบาก

พวกเราก็จะลำบาก ไม่ใช่ลำบากเฉพาะเรา ลำบากทุกคนทุกที่ที่ได้มาอาศัยอยู่ ก็ช่วยๆ กัน ส่วนข้าวของต่างๆ เราก็พยายามเก็บให้เป็นระเบียบ อย่าไปทิ้งระเกะระกะ มุ้งนอนหมอนเสื่อต่างๆ บางทีก็เอาไปใช้ก็เอาไปทิ้งไว้ทั่ว ทั้งพระเราทั้งชีเราทั้งโยมเรานั่นแหละ ส่วนพระชีก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าได้การอบรมด้วยการฝึกฝนตนเองอยู่บ่อยๆ ก็พอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ แก้ไขตัวเองได้ รู้จักประหยัดรู้จักมัธยัสถ์

ส่วนญาติโยมบางคนบางท่านก็เอาไปทิ้งระเกะระกะ ต้องไปตามเก็บไปทั่ว บางทีก็เอากลับบ้านไปเลยก็มี พวกมุ้งกลดต่างๆ เรามาฝึกหัดปฏิบัติ เราก็ต้องรู้จักแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเอง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยจากน้อยๆ ไปหามากๆ ถ้าเราไม่มีความเป็นระเบียบไม่มีความรับผิดชอบ จะไปฝึกหัดปฏิบัติที่ไหนก็เหมือนเดิม ก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ

ถ้าเราเข้าใจในหลักจิตแล้ว เพียงนิดเดียวเราก็ไม่ให้จิตของเราขาดตกบกพร่อง จิตของเราต้องเต็มต้องอิ่ม ต้องเต็มต้องบริบูรณ์ เหมือนกับการเข้าห้องส้วมการเข้าห้องน้ำเราก็ต้องดู ว่าห้องส้วมห้องน้ำสะอาดหรือไม่ น้ำอยู่ในถังในอะไรเต็มหรือเปล่า ถ้าน้ำมันพร่องก็เหมือนกับจิตของเราพร่อง ต้องให้เต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา มีความรับผิดชอบ ที่พักที่อาศัยที่อยู่ ที่หลับที่นอนต้องเป็นระเบียบ

การฝึกฝนตนเอง ถ้าเราไม่ฝึกฝนตนเองแล้วใครจะฝึกให้ ฝึกละ ทำให้เป็นระเบียบทั้งภายนอก และจัดระบบระเบียบภายในจิตของเราอีก จิตของเราก็จะไม่ให้เป็นทาสของอารมณ์เป็นทาสของกิเลส ไม่มีความทะเยอทะยานอยาก สร้างตั้งแต่ประโยชน์ สร้างตั้งแต่คุณงามความดี แต่จิตไม่หลงไม่ยึด อยู่เหนือสมมติ สร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์สำหรับส่วนรวม เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย

ถ้าเราไม่ช่วยตัวเองแก้ไข้ตัวเอง อันนี้มันก็ช่วยเหลือไม่ได้ เราก็ต้องพยายามแก้ไข้ปรับปรุงตัวเราเอง ให้เป็นคนที่กินน้อยนอนน้อยพูดน้อย ขยันหมั่นเพียร แล้วก็ปฏิบัติฝึกฝนตนเองให้มากๆ ละความเกียจคร้าน ทำการทำงานให้เกิดประโยชน์ให้มากๆ ประโยชน์ส่วนนั้นก็ได้ส่งผลให้กับทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข

จะมีมากมีน้อย ความรับผิดชอบก็ต้องสูงต้องใหญ่ ก็ต้องพยายามกัน จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นั่นแหละ มันก็จะมีมากขึ้นๆ สมัยก่อนก็ไม่เป็นอย่างนี้ สมัยก่อนแม้แต่น้ำจะอาบจะใช้ ฟืนไฟจะใช้ก็ไม่มีหรอก แม้แต่ถ้วยชามจะใส่กับข้าวกับปลา ชามก็ไม่มีหรอก หลวงพ่อต้องไปเก็บเอาตามหลุมศพนั่นแหละ ที่เขามาฝังเอาไว้ มาล้างมาไว้ใส่กับข้าวกับปลา

ที่พักที่อาศัยนี่ไม่มีหรอก ฝนฟ้าตกมาก็หลบๆ หลีกๆ เอา จุดโน้นบางจุดนี้บ้าง พอได้บำเพ็ญไปวันๆ สมัยก่อน ทุกวันนี้อะไรก็บริบูรณ์สมบูรณ์ เราก็ต้องพยายามช่วยกัน ช่วยกันดูแลช่วยกันรักษา เราก็ช่วยกันประหยัด ไม่ใช่ว่ามีมากเท่าไรก็ยิ่งฟุ่มเฟือย ไม่ใช่ ยิ่งมีมากเท่าไรยิ่งประหยัด ประหยัดใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่ใช้ เรื่องไฟนี่ก็สำคัญมากทีเดียว ทุกวันนี้ก็ใช้ค่าไฟนี่หนัก หนักมาก เดือนละหมื่น หมื่นกว่าๆ เฉพาะค่าไฟ เราก็ต้องพยายาม

มันหลายสิ่งหลายอย่าง วัดของเราก็เหมือนกับครอบครัวใหญ่ เป็นครอบครัวที่ใหญ่ ใหญ่มากทีเดียว ไม่ใช่เฉพาะในวัด ทั้งนอกวัดด้วย มาร่วมกัน อะไรเราพอประหยัดได้เราก็ประหยัด ไม่ใช่ว่าตระหนี่เหนียวแน่น เราพยายามทำให้เกิดประโยชน์ สิ่งน้อยๆ นั่นแหละ เราพยายามทำให้เกิดประโยชน์

อะไรควรประหยัดก็ประหยัด อะไรควรที่จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เราก็มาใช้ให้เกิดประโยชน์ มันก็จะได้ติดตามตัวเราไป ไม่ใช่เฉพาะที่วัด ทั้งที่วัดด้วยที่บ้านด้วย ทุกอย่าง เราต้องแก้ไขที่ตัวเรา ปรับปรุงที่พื้นฐานเสียก่อน ก่อนที่จะล้นออกไปภายนอก ก็พระเราชีเราทุกคนก็ต้องพยายามช่วยกันนะ

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงแค่นี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง