หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 085
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 085
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา รู้จักสังเกตรู้จักวิเคราะห์ รู้จักพิจารณาแก้ไขปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา อย่าเป็นคนเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ หนักตัวเอง หนักคนอื่น หนักสถานที่ เราต้องเป็นบุคคลที่ตื่นตัวรู้ แก้ไขปรับปรุงตัวเรา มีความรับผิดชอบที่สูงอยู่ตลอดเวลา
อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา การสร้างอานิสงส์สร้างบารมีของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกลียดคร้านออกไปเสีย เรามีความตระหนี่เหนียวแน่นเราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น สร้างความรับผิดชอบให้สูง เป็นคนมีความเสียสละ ทุกอิริยาบถคลายออกให้หมด
ภายนอกเราก็สร้างอานิสงส์สร้างประโยชน์ มีความอดทนอดกลั้น มีขันติ สร้างขันติอยู่ตลอดเวลา บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความกตัญญูกตเวที มีสัจจะต่อตัวเราเอง เราก็ต้องพยายามฝึกฝนตนอยู่ตลอดเวลา
การที่จะได้รู้ ได้เข้าถึงธรรม ต้องเป็นคนขยัน ไม่ใช่ไปมองอคติเพ่งโทษแต่คนโน้นเพ่งโทษแต่คนนี้ อคติที่โน่นที่นี่ จิตมีตั้งแต่มลทิน กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายามศึกษาดู อะไรคือรูป อะไรคือนาม ลักษณะของนามธรรม อาการของความคิดมีอะไรบ้าง เป็นกุศลหรืออกุศล ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร เราสร้างประโยชน์ ประโยชน์ระดับไหน ประโยชน์ระดับสมมติ ระดับวิมุตติ เรากำลังเดินทางได้ถูกทางหรือไม่ การดับ ดับตั้งแต่ต้นเหตุกลางเหตุปลายเหตุ เราก็ต้องพยายามดู
บุคคลมีปัญญาขยันหมั่นเพียรทำความเข้าใจ สติความรู้ตัวไม่มี เราก็สร้างขึ้นมา การจำแนกแจกแจงไม่ได้ เราก็พยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์จนกว่าจะจำแนกแจกแจงได้ อย่าดีแต่พูด พูดด้วยการกระทำต้องถึงด้วย แล้วก็เข้าถึงด้วย รู้ด้วย ได้รับเหตุ รู้เหตุรู้ผล ได้รับความสงบ ได้รับความเยือกเย็นด้วย นั่นแหละถึงจะถึงจุดหมายปลาย ทีนี้เราจะละได้เด็ดขาดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ความเพียรของเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ไม่ว่าพระว่าชีว่าญาติโยม มาอยู่ด้วยกันก็ขอให้มีตั้งแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อะไรที่จะเกิดประโยชน์ เราก็ช่วยกันทำ อะไรที่ไม่เกิดประโยชน์เราก็พยายามละ พยายามคลาย ทุกคนก็เกิดมามีวิบากกรรมหมดทุกคนนั่นแหละ จะมีมากมีน้อย มาทำความเข้าใจ อยู่ใกล้อยู่ไกลก็ได้มาอยู่ร่วมกัน เพราะว่าเราเคยมีวิบากร่วมกัน เคยสร้างบุญมาร่วมกัน สร้างกุศลมาร่วมกัน อยู่ใกล้อยู่ไกลถึงได้มาร่วมกัน อยู่คนละทิศละแดน คนละที่ละทาง ได้มาอยู่ ณ สถานที่แห่งเดียว เพราะว่าเคยสร้างอานิสงส์มาร่วมกัน เคยสร้างบุญมาร่วมกันมาก่อน หรือบางทีก็สร้างอกุศล สร้างวิบากกรรมมาร่วมกัน ถึงได้มาอยู่ในสภาวะอย่างนี้
ทีนี้เราก็มาทำความเข้าใจเสีย ให้รู้เท่าทันวิบากกรรม กุศลกรรม คือการสร้างคุณงามความดี ระดับสมมติระดับวิมุตติ กรรมระดับนามธรรม การดับการเกิดของขันธ์ห้า การดับการเกิดของจิตซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม การละ การคลาย การแยก เราต้องพยายามมองให้เห็นเหตุผล ต้องพยายามเอา
กาลเวลาก็ไม่นาน อีกสักหน่อยก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ เป็นกฎของธรรมชาติจริงๆ แม้แต่ตัวของเรา เราก็ต้องได้วาง ได้พลัดพราก กายเนื้อมันก็มีการเกิด การแก่ การเจ็บ แล้วก็การตาย อันนี้เป็นธรรมชาติของไตรลักษณ์ เราจะมายึดมาติดตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เรามาทำความเข้าใจ ดูแลรักษาเขา จนกว่าเขาจะแตกจะดับนั่นแหละ มีตั้งแต่ความเสื่อม เสื่อมตั้งแต่วันเกิด อะไรก็เสื่อมหมดเสื่อมตั้งแต่วันเกิด ร่างกายก็เสื่อม เจริญขึ้นนั่นแหละเสื่อม แล้วก็เจริญลง จากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่ก็กลับคืนสู่สภาพเหมือนเดิม ดินน้ำไฟลมเหมือนเดิม เสื่อมเหมือนเดิม
แต่ดวงจิตเสื่อมไม่เป็น กายนี้แตกดับก็ต้องไปหาภพอื่นอยู่ เราต้องทำความเข้าใจกับเขาเสีย เราตัดพบตัดชาติแล้วก็รู้จักสร้างอานิสงส์สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น ตราบใดที่จิตยังไม่หลุดพ้น อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ ต้องพยายามสร้างความขยันความรับผิดชอบให้มากๆ
อย่าเห็นแก่กิน อย่าเห็นแก่นอน อย่าเห็นแก่ความเกียจคร้าน ก็ต้องพยายามเอา อยู่ด้วยกันก็ไม่ถึง 100 ปี ก็ต้องได้ไป ตามหน้าที่ของใคร ตามหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่จะต้องได้สร้าง ขณะที่เรายังอยู่ร่วมกัน เราก็พยายามสร้างอานิสงส์ให้มากๆ พยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ตั้งสติระลึกรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อกันเอา เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง
อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา การสร้างอานิสงส์สร้างบารมีของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกลียดคร้านออกไปเสีย เรามีความตระหนี่เหนียวแน่นเราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น สร้างความรับผิดชอบให้สูง เป็นคนมีความเสียสละ ทุกอิริยาบถคลายออกให้หมด
ภายนอกเราก็สร้างอานิสงส์สร้างประโยชน์ มีความอดทนอดกลั้น มีขันติ สร้างขันติอยู่ตลอดเวลา บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความกตัญญูกตเวที มีสัจจะต่อตัวเราเอง เราก็ต้องพยายามฝึกฝนตนอยู่ตลอดเวลา
การที่จะได้รู้ ได้เข้าถึงธรรม ต้องเป็นคนขยัน ไม่ใช่ไปมองอคติเพ่งโทษแต่คนโน้นเพ่งโทษแต่คนนี้ อคติที่โน่นที่นี่ จิตมีตั้งแต่มลทิน กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายามศึกษาดู อะไรคือรูป อะไรคือนาม ลักษณะของนามธรรม อาการของความคิดมีอะไรบ้าง เป็นกุศลหรืออกุศล ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร เราสร้างประโยชน์ ประโยชน์ระดับไหน ประโยชน์ระดับสมมติ ระดับวิมุตติ เรากำลังเดินทางได้ถูกทางหรือไม่ การดับ ดับตั้งแต่ต้นเหตุกลางเหตุปลายเหตุ เราก็ต้องพยายามดู
บุคคลมีปัญญาขยันหมั่นเพียรทำความเข้าใจ สติความรู้ตัวไม่มี เราก็สร้างขึ้นมา การจำแนกแจกแจงไม่ได้ เราก็พยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์จนกว่าจะจำแนกแจกแจงได้ อย่าดีแต่พูด พูดด้วยการกระทำต้องถึงด้วย แล้วก็เข้าถึงด้วย รู้ด้วย ได้รับเหตุ รู้เหตุรู้ผล ได้รับความสงบ ได้รับความเยือกเย็นด้วย นั่นแหละถึงจะถึงจุดหมายปลาย ทีนี้เราจะละได้เด็ดขาดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ความเพียรของเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ไม่ว่าพระว่าชีว่าญาติโยม มาอยู่ด้วยกันก็ขอให้มีตั้งแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อะไรที่จะเกิดประโยชน์ เราก็ช่วยกันทำ อะไรที่ไม่เกิดประโยชน์เราก็พยายามละ พยายามคลาย ทุกคนก็เกิดมามีวิบากกรรมหมดทุกคนนั่นแหละ จะมีมากมีน้อย มาทำความเข้าใจ อยู่ใกล้อยู่ไกลก็ได้มาอยู่ร่วมกัน เพราะว่าเราเคยมีวิบากร่วมกัน เคยสร้างบุญมาร่วมกัน สร้างกุศลมาร่วมกัน อยู่ใกล้อยู่ไกลถึงได้มาร่วมกัน อยู่คนละทิศละแดน คนละที่ละทาง ได้มาอยู่ ณ สถานที่แห่งเดียว เพราะว่าเคยสร้างอานิสงส์มาร่วมกัน เคยสร้างบุญมาร่วมกันมาก่อน หรือบางทีก็สร้างอกุศล สร้างวิบากกรรมมาร่วมกัน ถึงได้มาอยู่ในสภาวะอย่างนี้
ทีนี้เราก็มาทำความเข้าใจเสีย ให้รู้เท่าทันวิบากกรรม กุศลกรรม คือการสร้างคุณงามความดี ระดับสมมติระดับวิมุตติ กรรมระดับนามธรรม การดับการเกิดของขันธ์ห้า การดับการเกิดของจิตซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม การละ การคลาย การแยก เราต้องพยายามมองให้เห็นเหตุผล ต้องพยายามเอา
กาลเวลาก็ไม่นาน อีกสักหน่อยก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ เป็นกฎของธรรมชาติจริงๆ แม้แต่ตัวของเรา เราก็ต้องได้วาง ได้พลัดพราก กายเนื้อมันก็มีการเกิด การแก่ การเจ็บ แล้วก็การตาย อันนี้เป็นธรรมชาติของไตรลักษณ์ เราจะมายึดมาติดตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เรามาทำความเข้าใจ ดูแลรักษาเขา จนกว่าเขาจะแตกจะดับนั่นแหละ มีตั้งแต่ความเสื่อม เสื่อมตั้งแต่วันเกิด อะไรก็เสื่อมหมดเสื่อมตั้งแต่วันเกิด ร่างกายก็เสื่อม เจริญขึ้นนั่นแหละเสื่อม แล้วก็เจริญลง จากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่ก็กลับคืนสู่สภาพเหมือนเดิม ดินน้ำไฟลมเหมือนเดิม เสื่อมเหมือนเดิม
แต่ดวงจิตเสื่อมไม่เป็น กายนี้แตกดับก็ต้องไปหาภพอื่นอยู่ เราต้องทำความเข้าใจกับเขาเสีย เราตัดพบตัดชาติแล้วก็รู้จักสร้างอานิสงส์สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น ตราบใดที่จิตยังไม่หลุดพ้น อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ ต้องพยายามสร้างความขยันความรับผิดชอบให้มากๆ
อย่าเห็นแก่กิน อย่าเห็นแก่นอน อย่าเห็นแก่ความเกียจคร้าน ก็ต้องพยายามเอา อยู่ด้วยกันก็ไม่ถึง 100 ปี ก็ต้องได้ไป ตามหน้าที่ของใคร ตามหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่จะต้องได้สร้าง ขณะที่เรายังอยู่ร่วมกัน เราก็พยายามสร้างอานิสงส์ให้มากๆ พยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ตั้งสติระลึกรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อกันเอา เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง