หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 081

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 081
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 081
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเอง พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ในการน้อมเข้าไปรู้กายรู้ใจของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกตัวไม่มีเราก็สร้างขึ้นมาให้มี สร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่อง ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ๆ ความหมายของการเจริญสติก็เพื่อที่จะเข้าไปทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา ร่างกายของเรา กับความเป็นอยู่ของเรา

เรามาจากไหน จะไปอย่างไร จะอยู่อย่างไร จะใช้ชีวิตกับสมมติอย่างไรจึงจะมีความสุข เราจะบริหารภาระหน้าที่การงานของเราอย่างไร บริหารกาย บริหารจิต บริหารเวลาอย่างไรเราถึงจะมีความสุข เราก็ต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์ตัวเราแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บเราก็รู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกปั๊บ หรือว่าถ้าเราไม่รู้สัมผัสถึงลมหายใจ เราก็รู้ความปกติของจิตปุ๊บ จะลุกจะก้าวจะเดิน จิตนิ่งรับรู้อยู่ในกายของตัวเรา สัมผัสของการเดิน สัมผัสของฝ่าเท้ากระทบพื้น เราก็มีความรู้สึกรับรู้ทันที

หายใจเข้าหายใจออกเราก็มีความรู้สึกรับรู้ทันที ถ้าจิตของเราสงบนิ่งอยู่ในกาย ถ้ามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน จิตจะเกิดจะก่อตัว เราก็รู้เท่าทัน แล้วก็รู้จักดับ จิตจะเกิดความโลภเกิดความโกรธ เกิดความยินดียินร้าย หรือว่ากังวลหรือว่าฟุ้งซ่าน สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราก็จะรู้ทันแล้วก็รู้จักดับ แต่เรารู้อยู่เมื่อเขาเกิดในช่วงกลางช่วงปลาย การดับไม่มี การคลายการแยกไม่มี กำลังจิตมันก็มากขึ้นส่งไปภายนอก นั่นแหละหลักของอริยสัจ สมุทัยที่พระพุทธองค์ท่านบอกความจริง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ จิตส่งออกไปภายนอกนั่นแหละคือสาเหตุแห่งทุกข์ เรามาดับมาควบคุม มาแยกแยะทำความเข้าใจ ให้จิตรู้เห็นตามความเป็นจริง เราค่อยละทีละเล็กทีละน้อยไป ก็ต้องพยายามกัน

ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ พูดของเก่าเรื่องเก่า แต่เรารู้อยู่ แต่เราไม่เห็น ทำความเข้าใจให้ละเอียด การเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ความคิดเล็กๆ น้อยๆ การเกิดของจิต การเกิดของขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งจิต การเกิดของนิวรณธรรม จิตของเรามีมลทินอะไรบ้าง การทำงานของกายของเรา การทำงานของทวารทั้งหกของเรา ตาก็ทำหน้าที่ดูเราก็ห้ามไม่ได้ หูทำหน้าที่ฟังเราก็ห้ามไม่ได้ เพราะเป็นทางผ่านส่งเข้าไปถึงดวงวิญญาณหรือว่าดวงจิตของเรา เราก็ต้องทำความเข้าใจ ตามีหน้าที่ดูก็ให้เขาดูไป สติก็รู้จิต

ถ้าสูงขึ้นไปสติของเราต่อเนื่องเป็นมหาสติ คลายจิตคลายขันธ์ห้า แยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจได้ ดับความเกิดได้ ละกิเลสได้ ก็ปรับสภาพให้จิตรับรู้อยู่ในกาย ตากระทบรูปจิตก็รับรู้อยู่ในกาย หูกระทบเสียงจิตก็รับรู้อยู่ในกาย

แต่เวลานี้จิตของเรายังทั้งเกิดด้วย วิ่งด้วยหลงด้วยสารพัดอย่าง ถึงแม้จะสงบอยู่ก็เพียงแค่เปรียบเสมือนกับขันที่คว่ำอยู่ เรายังไม่ได้คลายความหลง เราอาจจะว่าเราไม่หลงอยู่ในระดับของสมมติ ในส่วนลึกนั้นจิตหลงกันทุกคนนั่นแหละ จะหลงมากหลงน้อย หลงความคิดหลงอารมณ์ ไม่รอบรู้ในกองสังขารของตัวเราเอง ภายนอกเราอาจจะว่าเราไม่หลง อันนั้นก็ไม่หลงอยู่ในระดับของสมมติ ถ้าเราแยกรูปแยกนามได้ตามดูได้ รู้ได้เห็นได้นั่นแหละ ถึงจะมองชัดเจนว่าเราหลง เพราะเรายังไม่เข้าใจในเรื่องอัตตาในเรื่องอนัตตา พยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญกันให้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าไปท้อถอย

อยู่ด้วยกันหลายๆ คนหลายๆ ท่านก็ให้มีความรักความสมัครสมานสามัคคีกัน มีอะไรก็คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ค่อยพูดค่อยจาให้เชื่อฟังเคารพกันในธรรม เหมือนพ่อเหมือนแม่ เหมือนพี่เหมือนน้อง ทุกคนก็เป็นพี่เป็นน้องกันหมดนั่นแหละ เป็นเพื่อนเกิดแก่เก็บตายด้วยกัน ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ถึงมาแสวงหาแนวทาง แสวงหาสถานที่ แสวงหาครูบาอาจารย์

ถ้าเราเข้าใจในตัวของเรา เราก็สอนหมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา แก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา รูปรสกลิ่นเสียงก็จะเป็นอาจารย์สอนให้เรา สติเราก็คอยตรวจสอบจิตของเราตลอดเวลา เราขาดตกบกพร่องอะไรบ้าง เรามีความเกียจคร้านเราก็เพิ่มความขยันหมั่นเพียร เราไม่มีความรับผิดชอบเราก็เพิ่มความรับผิดชอบให้มากๆ ไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะคิด เราก็วิเคราะห์ตัวเรา อะไรควรพูดอะไรควรคิด เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย พูดออกไปแล้วทำให้คนอื่นลำบากหรือไม่ ตัวเราลำบากหรือไม่ เพียงแค่วาจา

ลึกลงไปก็การคิด คิดอะไรที่เป็นอานิสงส์เป็นบุญเป็นกุศล อะไรควรคิดหรือไม่ควรคิด อันนั้นก็ยากอยู่ ถ้าไม่มีความเพียรจริงๆ เราเพียงแค่ควบคุมกายควบคุมวาจาของเราให้ได้ แล้วก็ลึกลงไปถึงจิต แล้วก็หมั่นสังเกต คลายจิตออกจากความคิด ดับความเกิดละกิเลส

ส่วนมากเราก็ดับละอยู่ แต่เป็นการดับการละอยู่ปลายเหตุ ปลายเหตุกลางเหตุ ไม่ค่อยจะถึงต้นเหตุ ไม่ค่อยจะถอนรากถอนโคนกันเท่าไร แต่การทำบุญการให้ทานนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยมกับทุกคน มีโอกาสก็ได้ทำบุญทำทานกัน มาวัดเราก็ได้มาทำบุญมาสร้างอานิสงส์

วันนี้พระเราหลายองค์หลายท่าน ขอแรงช่วยกันเดินสายน้ำประปาช่วยกันหน่อยนะ ไปช่วยๆ กันเพราะว่าก็ประมาณกลางเดือนก็คงจะได้ใช้น้ำ กลางเดือนที่จะถึงนี้ เห็นว่าช่างเขาก็จะทำเสร็จก็ได้คุณโยมโยธินจากกรุงเทพฯ ท่านมาช่วยอุปการะเรื่องการเดินท่อน้ำ เรื่องการดำเนินการดูน้ำประปา เพราะว่าท่านก็เป็นช่างใหญ่ ก็นับโชคดีท่านได้มาดูแลได้มาช่วยกัน

หลายคนหลายท่านได้มาช่วยกันเพื่อความสะดวกสบายของทุกคน ถ้ามีน้ำใช้สะดวกสบายการประพฤติการปฏิบัติก็ไปได้เร็วได้ไว ถ้าขาดน้ำสักวันสองวันลองดูสิ ไม่ได้อาบน้ำกายของเรานี่ก็อึดอัดอยู่ไม่ได้ อยู่ได้ก็ลำบากอึดอัดไม่น่าอยู่ ไม่มีน้ำอาบน้ำใช้ห้องส้วมห้องน้ำก็ลำบากถึงได้ทำ เราอย่าเห็นตั้งแต่ปลายเหตุ เราพยายามทำต้นเหตุให้ดี ทำต้นเหตุให้ดีแล้วปลายเหตุก็จะดีเอง ส่วนมากก็อยากได้ตั้งแต่ผลแต่การกระทำไม่ค่อยจะทำกัน

เราต้องพยายามทำต้นเหตุให้ดี ภายนอกบริบูรณ์ก็ส่งผลถึงข้างใน ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน เราต้องพยายามเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อย่าไปทิ้งระเกะระกะ กว่าจะทำได้ขึ้นมาแต่ละหลังยากแสนยาก ญาติโยมมาช่วยกันบริจาคทั้งกำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์มาช่วยกัน พวกเราได้มาอยู่มาอาศัยก็พยายามสร้างอานิสงส์ให้มากๆ อย่ามาทำความสกปรกรกรุงรังใส่ เก็บให้เป็นระเบียบ ที่พักที่อาศัยทั้งภายใน แล้วก็ภายนอก เราก็พยายามดูอย่าไปทิ้งระเกะระกะ

ทำให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ใครไปใครมาแล้วเห็นสภาพสมมติภายนอกเรียบร้อยบริบูรณ์ ก็ทำให้จิตใจสบาย นั่นแหละบุญก็เกิดขึ้น ใครเข้ามาก็น่าอยู่เย็นตาแล้วก็เย็นใจ ไม่ใช่ว่าไปที่จุดไหนก็มีตั้งแต่ความสกปรกทิ้งไปเกลื่อนกลาด เข้าห้องส้วมห้องน้ำก็ดูสกปรกรกรุงรัง นั่นแหละมันส่อถึงการปฏิบัติ ถ้าเราฝึกหัดปฏิบัติที่ไหนเรียบร้อย ห้องส้วมห้องน้ำโรงครัวเป็นระเบียบ ถึงเราไม่ประกาศ นั่นแหละ ก็คือสิ่งพวกนั้นแหละ ประกาศให้เราอยู่ตลอดเวลา

บางสถานที่ก็เป็นสถานที่ประพฤติวัตรปฏิบัติ เขียนข้อวัตรไว้เต็มไปทั่ว เดินเข้าไปแล้วมีตั้งแต่ความสกปรกรกรุงรัง ห้องส้วมห้องน้ำ น้ำเป็นร้อยๆ หาห้องที่จะใช้แทบจะไม่มี เพราะว่าความสกปรก นั่นแหละ

เขียนประจานตัวเอง เราไม่ต้องไปเขียนอะไร เราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ทุกคนก็มีข้อวัตรปฏิบัติอยู่ในตัว ทุกคนก็ต้องการคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของตัวเรา อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรเป็นกุศลเราก็เจริญ มันไม่ดีตรงไหน ใครไปเห็นก็ช่วยกันทำเสีย ห้องส้วมห้องน้ำมันสกปรก เราก็เข้าห้องสกปรกนั่นแหละ เราจะได้ทำความสะอาดด้วย น้ำมันพร่องเราก็เปิดใส่ให้เต็มเสีย อย่าไปคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องช่วยกัน

ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็จะออกมาดี ไม่ใช่ว่าจะคอยตั้งแต่ให้คนอื่นเขามาทำ คนอยู่ข้างในนี่แหละมาทำ คนที่เข้ามาอยู่ในวัดนี่แหละต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร มาฝึกฝนตัวเรา มาละความเกียจคร้านมาเพิ่มความขยัน ไม่ใช่ว่าเข้ามาวัดมาสร้างความเกียจคร้านให้ตัวเอง…ไม่ใช่..ต้องมาสร้างความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ ถึงรับผิดชอบไม่ได้มาก ก็รับผิดชอบในตัวเราในสถานที่ของเรา


รับผิดชอบ ลึกลงไปรับผิดชอบกายวาจาใจของเรา ไม่ให้อคติไม่ให้เพ่งโทษ มองโลกในทางที่ดีคิดดี ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสงบความสุข ไม่ใช่ว่ามีตั้งแต่มลทิน ไปอยู่ที่โน่นก็ไม่ดีไปอยู่ที่นี่ก็ไม่ดี ก็ใจของเรามันไม่ดีมันถึงมองเห็นภายนอกไม่ดี ถ้าใจของเราดีแล้ว ถึงภายนอกไม่ดี ใจของเราก็ดีอยู่เหมือนเดิม

ขอให้เราพยายามแก้ไขปรับปรุงกันเสีย วันนี้ก็อย่าลืมนะพระเราทุกองค์ทุกรูปพากันช่วยกันคนละไม้คนละมือ พากันไปเดินท่อน้ำ ช่วยกัน เพื่อความสะดวกสบายของทุกคนในวันข้างหน้า

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเป็นเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง