หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 069
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 069
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงทำความสงบ เจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ ระลึกรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน ทำจิตของเราให้สงบ ทำจิตของเราให้สบาย วางกายของเราให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ
ฟังไปด้วยน้อมสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยว แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น
สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะเด่นชัด เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ เวลาลมกระทบปลายจมูกเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมกระทบปลายจมูกออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกรับรู้ตรงนี้แหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ รู้ตัว รู้กาย แล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’
ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอาว่าเป็นสติ เราต้องสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ๆ จนกว่ากำลังความรู้สึกตัวของเราจะต่อเนื่อง รู้เท่าทันกาย รู้เท่าทันจิต รู้ลักษณะของจิต รู้ลักษณะของความปกติ รู้ลักษณะของความคิดหรือว่าอาการของขันธ์ห้า จิตผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต รอบรู้ในความคิดอารมณ์ของตัวเราเอง
ทุกคนก็มีบุญทุกคนก็มีศรัทธา น้อมกายเข้ามา ฝักใฝ่ในการสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นในกายในจิตของเรา เราต้องพยายามวิเคราะห์ตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งเราหลับนั่นแหละ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้น้อมสำรวจจิตของเราแล้วหรือยัง หรือปล่อยให้จิตของเราส่งวิ่งออกไปภายนอกอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวก็เรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง บางทีเดี๋ยวก็ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต
เราขาดการเจริญสติเข้าไปสังเกตเข้าไปวิเคราะห์ เราเลยไม่เห็นตรงนี้ บางทีบางครั้งก็อาจจะถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้ว เราต้องคลายความหลงให้ได้เสียก่อน หรือว่าแยกรูปแยกนามให้ได้เสียก่อน ก่อนที่เราจะแยกรูปแยกนามได้ เราก็ต้องรู้วิธีการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง รู้ตัวแล้วก็รู้จิต รู้ตั้งแต่การเกิดการก่อตัวของจิตของความคิด
ถ้าเรารู้เท่าทันเขาก็จะแยกออกจากกันเอง อันนี้เป็นความเพียรที่ต่อเนื่องกันจริงๆ ถึงจะเข้าใจถ้าเราไม่มีความเพียรก็ยากที่จะเข้าใจ คนส่วนมากก็จะอยู่ได้แค่เพียงทำความสงบเล็กๆ น้อยๆ หรือว่าอยู่ในการทำบุญให้ทาน อยู่ในการเจริญพรหมวิหาร อยู่ในการสร้างบารมี มีความขันติ มีความอดทน มีความเพียรในการสร้างฐานะทางสมมติของตัวเราเอง ให้อยู่ดีมีความสุข
อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ทุกคนปฏิบัติธรรมกันมาตั้งแต่ก่อนๆ ตั้งแต่ภพก่อนนั่นแหละ ถ้าไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติกันมา ก็คงจะไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรอก ในเมื่อเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว เราก็พยายามมาทำความเข้าใจให้ถูกต้องต่อ เราก็ปฏิบัติตามหน้าที่ตั้งแต่เกิดนั่นแหละ เกิดขึ้นก็เติบโตขึ้นมาเป็นเด็ก เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน ผ่านกาลผ่านเวลา รู้จักรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี รู้จักกุศลรู้จักอกุศล รู้จักให้อภัยทาน นั่นเป็นการปฏิบัติระดับของสมมติ
แต่การเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปแยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจ แล้วละกิเลส ตรงนี้แหละที่ยังทำกันไม่ต่อเนื่อง ก็เลยว่าตัวเราไม่ได้ปฏิบัติ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ นั่นแหละเราต้องปฏิบัติฝึกฝนตนเอง ทำความเข้าใจกับธรรมชาติภายใน
ธรรมชาติภายในของจิตที่แท้จริงนั้น เขาสะอาดเขาบริสุทธิ์ ธรรมชาติของโลก โลกธรรมแปดเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ กายของเราเป็นอย่างไรบ้าง อะไรประกอบขึ้นมาถึงเป็นรูปร่างกายของเรา อะไรเป็นส่วนรูปธรรม อะไรเป็นส่วนนามธรรม ถ้าเราหมั่นจำแนกแจกแจง หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ เราก็จะเห็นชัดเจน มองเห็นแนวทางในการเดิน
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความเกียจคร้านหรือไม่ เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียร เพิ่มความรับผิดชอบ มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา เราก็จะเข้าใจในแนวทาง
เราไม่เข้าใจแนวทาง พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม เว้นแต่ว่าพวกเราจะเดินตามทางที่ท่านชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้หรือไม่เท่านั้นเอง ก็พยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
อันนี้ก็เป็นใกล้เข้ามาในวันงานของเรา วันงานของเราวันที่ 28-29 ก็จะได้อัญเชิญพระพุทธรูป องค์แทนพระพุทธเจ้าซึ่งสร้างด้วยหยก มาจากแม่สาย เชียงราย มาประดิษฐาน ณ วิหารที่พวกเราได้ช่วยกันทำช่วยกันสร้าง ญาติโยมที่ปวารณามาตั้งโรงทานก็เยอะ 60 กว่าโรงทาน ที่จะมาตั้งโรงทานในวันที่ 28-29 ก็เป็นสิ่งที่ดี
นี่แหละ แรงบุญแรงกุศล กองบุญกองกุศลอยู่ที่ไหน คนมีบุญคนจิตใจเป็นบุญก็จะไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง มีโอกาสก็ได้พากันมาทำ เป็นวิหารที่จะได้ประดิษฐานพระพุทธรูปหยก เป็นหยกใหญ่ที่สุดที่เคยนำมา นำเข้ามาในประเทศไทย องค์ใหญ่นั้นก็คงจะเป็นปีใหม่ มีทั้งหมดก็ 6-7 องค์เลยทีเดียวในวิหารพระหยก แล้วก็รอยพระบาท แล้วก็อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมา ให้ทุกคนได้มากราบมาไหว้ให้เป็นสิริมงคลกัน
พวกเรามีบุญถึงได้มามีโอกาสได้มาร่วมกัน วันที่ 29 ก็ขอเชิญทุกคนทุกท่าน ถ้ามีโอกาสก็ได้มาร่วมอนุโมทนาสาธุ มาร่วมกองบุญกองนี้ มาช่วยกันให้เป็นอานิสงส์ ให้มากมายขึ้นไป จนกว่าจะเดินถึงจุดหมายปลายทาง คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้นนั่นแหละ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง
ฟังไปด้วยน้อมสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยว แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น
สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะเด่นชัด เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ เวลาลมกระทบปลายจมูกเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมกระทบปลายจมูกออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกรับรู้ตรงนี้แหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ รู้ตัว รู้กาย แล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’
ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอาว่าเป็นสติ เราต้องสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ๆ จนกว่ากำลังความรู้สึกตัวของเราจะต่อเนื่อง รู้เท่าทันกาย รู้เท่าทันจิต รู้ลักษณะของจิต รู้ลักษณะของความปกติ รู้ลักษณะของความคิดหรือว่าอาการของขันธ์ห้า จิตผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต รอบรู้ในความคิดอารมณ์ของตัวเราเอง
ทุกคนก็มีบุญทุกคนก็มีศรัทธา น้อมกายเข้ามา ฝักใฝ่ในการสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นในกายในจิตของเรา เราต้องพยายามวิเคราะห์ตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งเราหลับนั่นแหละ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้น้อมสำรวจจิตของเราแล้วหรือยัง หรือปล่อยให้จิตของเราส่งวิ่งออกไปภายนอกอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวก็เรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง บางทีเดี๋ยวก็ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต
เราขาดการเจริญสติเข้าไปสังเกตเข้าไปวิเคราะห์ เราเลยไม่เห็นตรงนี้ บางทีบางครั้งก็อาจจะถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้ว เราต้องคลายความหลงให้ได้เสียก่อน หรือว่าแยกรูปแยกนามให้ได้เสียก่อน ก่อนที่เราจะแยกรูปแยกนามได้ เราก็ต้องรู้วิธีการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง รู้ตัวแล้วก็รู้จิต รู้ตั้งแต่การเกิดการก่อตัวของจิตของความคิด
ถ้าเรารู้เท่าทันเขาก็จะแยกออกจากกันเอง อันนี้เป็นความเพียรที่ต่อเนื่องกันจริงๆ ถึงจะเข้าใจถ้าเราไม่มีความเพียรก็ยากที่จะเข้าใจ คนส่วนมากก็จะอยู่ได้แค่เพียงทำความสงบเล็กๆ น้อยๆ หรือว่าอยู่ในการทำบุญให้ทาน อยู่ในการเจริญพรหมวิหาร อยู่ในการสร้างบารมี มีความขันติ มีความอดทน มีความเพียรในการสร้างฐานะทางสมมติของตัวเราเอง ให้อยู่ดีมีความสุข
อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ทุกคนปฏิบัติธรรมกันมาตั้งแต่ก่อนๆ ตั้งแต่ภพก่อนนั่นแหละ ถ้าไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติกันมา ก็คงจะไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรอก ในเมื่อเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว เราก็พยายามมาทำความเข้าใจให้ถูกต้องต่อ เราก็ปฏิบัติตามหน้าที่ตั้งแต่เกิดนั่นแหละ เกิดขึ้นก็เติบโตขึ้นมาเป็นเด็ก เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน ผ่านกาลผ่านเวลา รู้จักรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี รู้จักกุศลรู้จักอกุศล รู้จักให้อภัยทาน นั่นเป็นการปฏิบัติระดับของสมมติ
แต่การเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปแยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจ แล้วละกิเลส ตรงนี้แหละที่ยังทำกันไม่ต่อเนื่อง ก็เลยว่าตัวเราไม่ได้ปฏิบัติ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ นั่นแหละเราต้องปฏิบัติฝึกฝนตนเอง ทำความเข้าใจกับธรรมชาติภายใน
ธรรมชาติภายในของจิตที่แท้จริงนั้น เขาสะอาดเขาบริสุทธิ์ ธรรมชาติของโลก โลกธรรมแปดเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ กายของเราเป็นอย่างไรบ้าง อะไรประกอบขึ้นมาถึงเป็นรูปร่างกายของเรา อะไรเป็นส่วนรูปธรรม อะไรเป็นส่วนนามธรรม ถ้าเราหมั่นจำแนกแจกแจง หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ เราก็จะเห็นชัดเจน มองเห็นแนวทางในการเดิน
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความเกียจคร้านหรือไม่ เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียร เพิ่มความรับผิดชอบ มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา เราก็จะเข้าใจในแนวทาง
เราไม่เข้าใจแนวทาง พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม เว้นแต่ว่าพวกเราจะเดินตามทางที่ท่านชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้หรือไม่เท่านั้นเอง ก็พยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
อันนี้ก็เป็นใกล้เข้ามาในวันงานของเรา วันงานของเราวันที่ 28-29 ก็จะได้อัญเชิญพระพุทธรูป องค์แทนพระพุทธเจ้าซึ่งสร้างด้วยหยก มาจากแม่สาย เชียงราย มาประดิษฐาน ณ วิหารที่พวกเราได้ช่วยกันทำช่วยกันสร้าง ญาติโยมที่ปวารณามาตั้งโรงทานก็เยอะ 60 กว่าโรงทาน ที่จะมาตั้งโรงทานในวันที่ 28-29 ก็เป็นสิ่งที่ดี
นี่แหละ แรงบุญแรงกุศล กองบุญกองกุศลอยู่ที่ไหน คนมีบุญคนจิตใจเป็นบุญก็จะไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง มีโอกาสก็ได้พากันมาทำ เป็นวิหารที่จะได้ประดิษฐานพระพุทธรูปหยก เป็นหยกใหญ่ที่สุดที่เคยนำมา นำเข้ามาในประเทศไทย องค์ใหญ่นั้นก็คงจะเป็นปีใหม่ มีทั้งหมดก็ 6-7 องค์เลยทีเดียวในวิหารพระหยก แล้วก็รอยพระบาท แล้วก็อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมา ให้ทุกคนได้มากราบมาไหว้ให้เป็นสิริมงคลกัน
พวกเรามีบุญถึงได้มามีโอกาสได้มาร่วมกัน วันที่ 29 ก็ขอเชิญทุกคนทุกท่าน ถ้ามีโอกาสก็ได้มาร่วมอนุโมทนาสาธุ มาร่วมกองบุญกองนี้ มาช่วยกันให้เป็นอานิสงส์ ให้มากมายขึ้นไป จนกว่าจะเดินถึงจุดหมายปลายทาง คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้นนั่นแหละ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง