หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 063

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 063
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 063
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่าน จงสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเรา อันนี้เป็นการย้ำเป็นการเตือน ตั้งแต่ตื่นตื่นขึ้นมา พวกท่านได้น้อมเข้าไปรู้กาย รู้ลมหายใจ รู้ความปกติของจิต ให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง รู้จักทำความเข้าใจ ความรู้สึกตัวที่ต่อเนื่องนี่แหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน’ ถ้าการรู้ที่ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’

พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ความรู้สึกตัวไม่มีเราก็ต้องสร้างขึ้นมา ทุกคนก็มีกันหมดนั่นแหละ อาจจะมีเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว ทำอย่างไรเราถึงจะมีให้ต่อเนื่อง นี่แหละท่านถึงบอกให้น้อมกายของเราเข้ามาเจริญความรู้ตัว หรือว่าเจริญสติเน้นลงอยู่ที่กายของเรา แล้วแต่อุบายของแต่ละบุคคล

ในที่สถานที่ตรงนี้ หลวงพ่อจะย้ำเรื่องการหายใจเข้าออก กับความรู้สึกของการเดิน หรือความรู้สึกของกายให้อยู่จุดใดจุดหนึ่ง แต่อานาปานสติทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมตั้งแต่เกิด เราพยายามหัดสร้างความรู้สึกตัวตรงนี้ให้ต่อเนื่อง ใหม่ๆ ก็อาจจะอึดอัดหรืออาจจะพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ เริ่มขึ้นมาอยู่บ่อยๆ

จุดมุ่งหมายของการสร้างความรู้ตัวก็เพื่อจะรู้ให้เท่าทันจิต เท่าทันความคิดว่า ธรรมชาติของจิตนั้นเขาก็เกิดๆ ดับๆ บางทีเขาก็หลง อันนี้ธรรมชาติของสมมติเขานะ แต่ในส่วนลึกๆ ความเป็นจริงฐานของจิต หรือว่าดั้งเดิมที่แท้นั้นสะอาดบริสุทธิ์ เขาไม่มีความหลง แต่กาลเวลาผ่านมาหลายกัปหลายกัลป์ หลายภพหลายชาติ ทำให้เขาเกิดความหลงขึ้นมา หลงในรูปในรสในกลิ่นในเสียง หลงวนเวียนว่ายตายเกิด หลงเป็นทาสของอารมณ์ หลงเป็นทาสของกิเลส

ทำอย่างไรเราถึงจะคลายความหลง หรือว่าคลายโมหะของเก่าของที่มันมีอยู่แล้วตรงนี้ออกให้มันหมด เราถึงมาสร้างผู้รู้ หรือว่ามาเจริญสติตัวใหม่เข้าไปรู้ให้ทัน เรารู้ไม่ทันเราก็รู้จักควบคุมเอาไว้อยู่ในระดับหนึ่ง ควบคุมเอาไว้เพื่อที่จะสร้างกำลังสติให้มีกำลังที่แกร่งขึ้น แล้วก็กำลังจิตก็จะช้าลง กำลังขันธ์ห้าก็จะช้าลง จนกว่าความรู้ตัวจะต่อเนื่อง รู้การเกิดการก่อตัวของจิต การเกิดการก่อตัวของขันธ์ห้า ว่าจิตของเราเคลื่อนเข้าไปรวม

ถ้ารู้เท่าทันตรงนั้นปุ๊บ จิตจะดีดตัวออก นั่นแหละเราจะรู้แจ้งเห็นจริง รู้ความว่าง รู้ความโล่งความโปร่ง เวลาเขาดีดตัวออกนี้ จิตก็จะว่างโล่งโปร่ง กายก็เหมือนกับไม่มีเลยทีเดียว เบา แต่กายสมมติก็มีอยู่ ความคิดเกิดๆ ดับๆ ของขันธ์ห้าก็จะชัดเจน ให้เราตามทำความเข้าใจ ให้จิตว่างรับรู้ ในความว่างนั้นมีดวงจิตอยู่ การฝึกหัดปฏิบัติก็เพื่อที่จะคลายความหลงตรงนี้ แล้วก็ทำความเข้าใจกับขันธ์ห้า แล้วก็ละขันธ์ห้า แล้วก็ละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราได้ละได้มากได้น้อยก็พยายามละออกให้มันหมดจด จนไม่เหลืออะไร จนเหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ เหลือตั้งแต่ความสะอาด

สติปัญญาความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา เราก็จะเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิต ทำอย่างไรกายสมมติของเราถึงจะอยู่ดีมีความสุข ทำอย่างไรวิญญาณของเราถึงจะอยู่ดีมีความสุข จนกว่าร่างกายของเราแตกดับ ทำอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์เป็นอานิสงส์ ท่านถึงบอกว่าให้สร้างอานิสงส์สร้างบารมี เรามีศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยหรือไม่ แล้วก็มีการฝักใฝ่ มีการสนใจ มีการสำรวจ มีการทำความเข้าใจ

เราไม่เข้าใจวิธี เราไม่เข้าใจแนวทาง เราถึงได้อาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ศรัทธาน้อมกายเข้ามาแล้วก็ทำให้ต่อเนื่อง ความเสียสละ เสียสละอะไร เสียสละกิเลส เสียสละความยึดมั่นถือมั่น เสียสละทั้งทางวัตถุทาน ธรรมทาน เสียสละกิเลสต่างๆ ทำอย่างไรเราถึงจะเสียสละได้ หรือว่าปลงหรือว่าวางได้ เราไม่รู้จุดปลงเราไม่รู้จุดวาง เราก็วางไม่ได้

ถ้าเราสังเกตวิเคราะห์ดูรู้ให้เท่าทัน แล้วก็ทำความเข้าใจ จิตเขาก็จะเกิดความเบื่อหน่ายเองนั่นแหละ เกิดความเบื่อหน่ายแล้ว เขาก็จะอยากหาทางหลบหลีก เขาก็หลบหลีกไม่ได้ เขาถึงอยู่อุเบกขา สติปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วค่อยละ ละกิเลสทีละเล็กทีละน้อย

จิตของเราเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภด้วยการบริจาค ด้วยการให้ ให้ระดับไหน ให้ระดับของสมมติ บริจาคทางด้านวัตถุข้าวของเงินทอง ให้การอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่อไปข้างหน้าก็ให้อภัยทาน รู้จักชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา จิตของเราเกิดความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธเสีย ให้อภัยทานอโหสิกรรม

แต่ทุกคนก็มีกันอยู่ แต่อาจจะมีสติทำความเข้าใจไม่ต่อเนื่องกันเท่านั้นเอง เพราะว่าจิตของเรายังหลงอยู่ ในทางสมมติถ้าเรายังแยกยังคลายไม่ได้ เราก็ว่าเราไม่หลง เราไม่หลงอยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นแหละ แต่ในระดับของหลักธรรมแล้วหลงกันทุกคนถ้ายังแยกไม่ได้ แยกรูปแยกนามไม่ได้ ตามทำความเข้าใจ ละกิเลสไม่ได้หมดจริงๆ ไม่หลงมากก็หลงน้อย

ส่วนมากก็หลงอยู่ในกองบุญกองกุศลก็ยังดี ยังดีกว่าไปหลงในกองอกุศล เราพยายามกันขยันหมั่นเพียรกัน การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม การลงมือกระทำจริงๆ เราต้องช่วยเหลือตัวเอง แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลวงพ่อก็พาสร้างอานิสงส์ใหญ่อยู่ตลอดเวลา วันที่ 29 ก็ใกล้จะเข้ามาถึง

วันที่ 29 นี้ก็จะได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์แทนพระพุทธเจ้าปางประทานพรมาอีกองค์หนึ่ง แล้วก็รอยพระบาทหยกอีกคู่หนึ่งมาพร้อมกัน พวกเรามีโอกาสก็มาอนุโมทนาสาธุด้วยกัน มาร่วมกัน ญาติโยมท่านใดอยากจะมาสร้างโรงทานก็ขอเชิญมา รู้สึกว่าจะมีมากแล้ว มีมากขึ้นมาเรื่อยๆ 20 กว่าโรง เราทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา มีการตั้งเครื่องบวงสรวงบูชา ญาติโยมท่านใดมีผลหมากรากไม้มีมะพร้าวก็มาร่วมกัน

โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ เราก็คงจะเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 28 เหมือนกับครั้งก่อน บวงสรวงบูชาน้อมระลึกนึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ระลึกนึกถึงคุณงามความดีของเหล่ามนุษย์เหล่าเทพเหล่าเทวดาทั้งหลาย ไม่ให้อดไม่ให้อยากไม่ให้ลำบาก ทุกฝ่ายก็มาอนุโมทนาสาธุร่วมกัน

นี่แหละโอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ พวกเราก็พากันรีบกันทำ อย่าว่าไม่ทำ ทำมากก็เป็นของเราทำน้อยก็เป็นของเรา ถึงเราไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย เราก็น้อมกายน้อมใจเข้ามาอนุโมทนาสาธุ ก็เป็นบุญใหญ่อย่างมหาศาลเลยทีเดียวในสิ่งที่พวกเราทำกัน ก็ต้องพยายามกันนะ

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง