หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 055
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 055
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้น้อมสร้างความรู้ตัวรู้กายรู้จิตของเราให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง เราต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์ สร้างสติปัญญาเข้าไปวิเคราะห์กายของเรา วิเคราะห์จิตของเรา วิเคราะห์ความเป็นอยู่ของเรา แล้วก็รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา นั่นแหละท่านถึงเรียกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’
อะไรคือตัวตน อะไรคือตน ตนเป็นที่พึ่งของตน รู้จักช่วยเหลือตนเอง รู้จักแก้ไขตนเอง ตนแรกคือสติที่เราสร้างขึ้นมา เราได้สร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง ตนที่สองก็คือตัวจิตของเรา แต่มีตนที่สามเข้ามา ตนที่สามก็คือกายเนื้อ ซึ่งเป็นส่วนรูปธรรม ความเป็นอยู่ของสมมติ จิตมาอาศัยกายอยู่ เราก็ต้องทำความเข้าใจ เราจะเอาอะไรเข้าไปทำความเข้าใจ ก็สติที่เราสร้างขึ้นมา
สติเรายังไม่ได้สร้าง เราก็เลยไม่รู้ความเป็นจริง ศรัทธาของทุกคนก็มีกันเต็มเปี่ยม ฝักใฝ่สนใจในการสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมีกัน ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ ตามความเป็นจริงก็ปฏิบัติธรรมกันมาตั้งแต่ก่อน ตั้งแต่ภพก่อนๆ นั่นแหละ จนกระทั่งได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็ทำตามหน้าที่ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านทุกข์ผ่านสุข ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน รู้จักหน้าที่รู้จักรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี อะไรกุศลอะไรอกุศล ก็รู้อยู่ระดับของโลกีย์รู้อยู่ระดับของสมมติ
แต่ที่จะให้จิตของเราสะอาดบริสุทธิ์หลุดพ้นได้จริงๆ เราก็ต้องมาสร้างผู้รู้ หรือว่ามาเจริญสติ มาทำความเข้าใจให้กระจ่าง ถึงจะละทุกข์ได้ ดับทุกข์ได้ ละกิเลสได้ ก็ต้องพยายามขวนขวายกัน นี่แหละท่านถึงเรียกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’ ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวเราเอง จิตของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักละรู้จักดับ เกิดความโลภความโกรธ เกิดความทะเยอทะยานอยาก
จิตของเราหลงอะไร ในส่วนลึกๆ ก็หลงความคิดหลงอารมณ์ นี่แหละโมหะความลุ่มลึก อยากจะเดินปัญญา มีตั้งแต่ไปนึกไปคิดเอา มันก็ไม่รู้ความเป็นจริง เราต้องสร้างผู้รู้ สร้างสติเข้าไปสำรวจ แล้วก็เจริญพรหมวิหารตลอดเวลา
ทำจิตของเราให้มีตั้งแต่ความเสียสละ มองโลกในทางที่ดีคิดดี ไม่มองโลกในแง่ร้าย จิตของเราความอิจฉาริษยาเราก็พยายามละ แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความเกียจคร้านในกายในจิตของเรามีหรือไม่ ถ้ามีเราก็พยายามละความเกียจคร้านออกไปเสีย เพิ่มความขยันหมั่นเพียร รู้จักรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องให้คนอื่นไปกำชับกำชา ตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันมาก ยิ่งอยู่ด้วยกันเยอะ ก็ต้องมีความรับผิดชอบที่สูง อะไรพอช่วยเหลือกันได้เราก็ช่วยเหลือกัน พยายามประคับประคองให้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าไปปิดกั้นตัวเอง หรืออย่าไปขวางหมู่ขวางคณะ เราก็ต้องพยายามช่วยกัน ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน เราก็ต้องพยายามดูแลช่วยกันรักษาความสะอาด ห้องส้วมห้องน้ำทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ให้สกปรกรกรุงรัง เพียงแค่สมมติภายนอกเราก็พยายามทำ ให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ก็ส่งผลถึงภายใน
ไม่ใช่ว่าไม่ใช่หน้าที่ของเราไม่ใช่หน้าที่ของฉัน เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่เรามาอาศัยสมมติตรงนี้อยู่ ไม่มีใครเอาสมมติไปได้หรอก ทุกคนเป็นแค่เพียงผู้อาศัย ถ้าถึงวาระเวลาแล้วแม้แต่กายของเราก็ต้องได้วาง ขณะที่เรายังอยู่กับสมมติ เราก็ทำความเข้าใจกับสมมติ แล้วก็เคารพสมมติ เคารพหน้าที่ของตัวเราเอง สมมติว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นพี่เป็นน้อง เป็นครูบาอาจารย์ อันนี้ก็เป็นแค่เพียงสมมติ ทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำตามหน้าที่ให้ถูกต้อง เราจะทำตามหน้าที่ของเราได้ดีหรือไม่ เราก็ต้องพิจารณาตัวเรา
หลวงพ่อก็พยายามทำตามหน้าที่ของหลวงพ่อให้ดีที่สุดมาตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าน้อยๆ ก็มาตั้งร่วม 20 ปี 20 กว่าปี อะไรไม่มีก็ทำให้มีขึ้น ก็เพื่อความสะดวกสบายของทุกคน ก็เพื่อที่จะอนุเคราะห์ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ที่พักที่อาศัย ห้องส้วมห้องน้ำ ใครเข้าไปเข้ามาก็มีความสงบความสุข การประพฤติปฏิบัติจิตก็ไปได้เร็วได้ไว
พวกเรามาอยู่ก็มาสร้างมาสานต่อ มาฝากฝังเอาไว้รุ่นต่อรุ่น รุ่นโน้นได้ทำสิ่งนั้นบ้าง รุ่นนี้ได้ทำสิ่งนี้บ้าง ฝากเอาไว้ เมื่อพวกเราจากไปรุ่นใหม่ก็มาสร้างมาสานต่อ พวกเราก็ได้สร้างคุณงามความดีฝากเอาไว้ ไม่ใช่ว่ามาแล้วก็พากันมาทำลายมาสร้างความวุ่นวาย อย่างนั้นใช้การไม่ได้ เราก็ต้องมาสร้างสะสมประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น
เพียงแค่การเจริญสติเข้าไปสำรวจเข้าไปทำความเข้าใจ พวกเรายังทำกันไม่ต่อเนื่อง ลักษณะของสติลักษณะของความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร พวกเราก็ขาดการทำความเข้าใจ อาจมีอยู่บ้างเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว ถ้าการเจริญสติไม่ต่อเนื่องยากที่เราจะเข้าใจว่าลักษณะของจิต จิตลักษณะการก่อตัว อาการของเกิดการดับของจิตซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ซึ่งเป็นฝ่ายรูปธรรม
อะไรคือรูปธรรมอะไรคือนามธรรม ลักษณะของอัตตาเป็นอย่างไร ลักษณะของอนัตตาเป็นอย่างไร จิตส่งไปข้างนอกเป็นลักษณะอย่างไร มีกิเลสเข้าไปเจือปนหรือไม่ พวกเราต้องพยายามสำรวจตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แม้แต่นิวรณธรรมต่างๆ ที่เป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราไม่ได้รับความสงบ มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกเราเอง ไม่ใช่ว่าขึ้นอยู่กับคนโน้นคนนี้ ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ว่าเราจะทำความเข้าใจหรือไม่
เราไม่เข้าใจแนวทางเราถึงแสวงหาแนวทาง ไปแสวงหาที่โน่นบ้างไปแสวงหาที่นี่บ้าง หาครูบาอาจารย์องค์โน้นบ้างองค์นี้บ้าง อันนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าไม่ดี เป็นการสร้างสะสมบุญบารมีของเรา ถ้าถึงวาระเวลาสักวันเราก็คงจะเข้าใจ ถ้าเราไม่ฝักใฝ่ไม่สนใจไม่แสวงหา ก็ยากที่จะเข้าใจ พวกเราก็ลองผิดลองถูก ลองผิดลองถูกกันมา จนกว่าจะเข้าที่เข้าทาง จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
ถ้าเราเข้าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เราก็มองเห็นในสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติมา เป็นการเจริญสร้างตบะสร้างบารมี สร้างสติสร้างปัญญาให้มีให้เกิดขึ้น ในแต่ละช่วงในแต่ละจังหวะ ไม่ใช่ว่าไปที่โน่นจะรู้ธรรมไปที่นี่จะรู้ธรรม มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ว่าเราจะฝึกฝนตัวเราหรือไม่
ทุกสิ่งทุกอย่างก็อำนวยความสะดวกความสบายให้ ที่พักที่อาศัยที่ ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน หมู่คณะก็เป็นสัปปายะ ที่วัดของเรานี่ก็อาจจะคับแคบไปหน่อย เพราะว่าพระภิกษุสงฆ์ก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยม เราก็ต้องพยายามทำในใจอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
รู้จักทำในใจ น้อมสำเหนียกสำรวจตรวจตราดู ถ้าเราทำถูกวิธีถูกทางเราก็จะรู้เราก็จะเห็น ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ก็เป็นการฝึกหัดปฏิบัติธรรม ถ้าใจของเราเป็นธรรม ถ้าใจของเราเป็นโลก ถึงจะเดินจงกรมถึงจะนั่งสมาธิอยู่ใจของเราก็เป็นโลกอยู่เหมือนเดิม
การเจริญสติ ความหมายของการเจริญสติเพื่อที่จะเข้าไปทำความเข้าใจกับจิต เพื่อที่จะไปคลายความหลง ละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมด ละได้มากได้น้อย เราก็ต้องพยายามละ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น รู้จักรับผิดชอบให้มากๆ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติโดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง ปฏิบัติด้วยความหลงก็ไปไม่ถึงไหน เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจให้ถูกทางเสีย
เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี ต้องขยันหมั่นเพียรกันเอา ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของคนอื่น ครูบาอาจารย์ก็เป็นเพียงแค่แผนที่ชี้แนะแนวทางให้ พวกเราจะทำตามหน้าที่ของพวกเราได้ดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ตัวของเราเอง ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง
อะไรคือตัวตน อะไรคือตน ตนเป็นที่พึ่งของตน รู้จักช่วยเหลือตนเอง รู้จักแก้ไขตนเอง ตนแรกคือสติที่เราสร้างขึ้นมา เราได้สร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง ตนที่สองก็คือตัวจิตของเรา แต่มีตนที่สามเข้ามา ตนที่สามก็คือกายเนื้อ ซึ่งเป็นส่วนรูปธรรม ความเป็นอยู่ของสมมติ จิตมาอาศัยกายอยู่ เราก็ต้องทำความเข้าใจ เราจะเอาอะไรเข้าไปทำความเข้าใจ ก็สติที่เราสร้างขึ้นมา
สติเรายังไม่ได้สร้าง เราก็เลยไม่รู้ความเป็นจริง ศรัทธาของทุกคนก็มีกันเต็มเปี่ยม ฝักใฝ่สนใจในการสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมีกัน ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ ตามความเป็นจริงก็ปฏิบัติธรรมกันมาตั้งแต่ก่อน ตั้งแต่ภพก่อนๆ นั่นแหละ จนกระทั่งได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็ทำตามหน้าที่ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านทุกข์ผ่านสุข ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน รู้จักหน้าที่รู้จักรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี อะไรกุศลอะไรอกุศล ก็รู้อยู่ระดับของโลกีย์รู้อยู่ระดับของสมมติ
แต่ที่จะให้จิตของเราสะอาดบริสุทธิ์หลุดพ้นได้จริงๆ เราก็ต้องมาสร้างผู้รู้ หรือว่ามาเจริญสติ มาทำความเข้าใจให้กระจ่าง ถึงจะละทุกข์ได้ ดับทุกข์ได้ ละกิเลสได้ ก็ต้องพยายามขวนขวายกัน นี่แหละท่านถึงเรียกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’ ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวเราเอง จิตของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักละรู้จักดับ เกิดความโลภความโกรธ เกิดความทะเยอทะยานอยาก
จิตของเราหลงอะไร ในส่วนลึกๆ ก็หลงความคิดหลงอารมณ์ นี่แหละโมหะความลุ่มลึก อยากจะเดินปัญญา มีตั้งแต่ไปนึกไปคิดเอา มันก็ไม่รู้ความเป็นจริง เราต้องสร้างผู้รู้ สร้างสติเข้าไปสำรวจ แล้วก็เจริญพรหมวิหารตลอดเวลา
ทำจิตของเราให้มีตั้งแต่ความเสียสละ มองโลกในทางที่ดีคิดดี ไม่มองโลกในแง่ร้าย จิตของเราความอิจฉาริษยาเราก็พยายามละ แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความเกียจคร้านในกายในจิตของเรามีหรือไม่ ถ้ามีเราก็พยายามละความเกียจคร้านออกไปเสีย เพิ่มความขยันหมั่นเพียร รู้จักรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องให้คนอื่นไปกำชับกำชา ตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันมาก ยิ่งอยู่ด้วยกันเยอะ ก็ต้องมีความรับผิดชอบที่สูง อะไรพอช่วยเหลือกันได้เราก็ช่วยเหลือกัน พยายามประคับประคองให้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าไปปิดกั้นตัวเอง หรืออย่าไปขวางหมู่ขวางคณะ เราก็ต้องพยายามช่วยกัน ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน เราก็ต้องพยายามดูแลช่วยกันรักษาความสะอาด ห้องส้วมห้องน้ำทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ให้สกปรกรกรุงรัง เพียงแค่สมมติภายนอกเราก็พยายามทำ ให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ก็ส่งผลถึงภายใน
ไม่ใช่ว่าไม่ใช่หน้าที่ของเราไม่ใช่หน้าที่ของฉัน เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่เรามาอาศัยสมมติตรงนี้อยู่ ไม่มีใครเอาสมมติไปได้หรอก ทุกคนเป็นแค่เพียงผู้อาศัย ถ้าถึงวาระเวลาแล้วแม้แต่กายของเราก็ต้องได้วาง ขณะที่เรายังอยู่กับสมมติ เราก็ทำความเข้าใจกับสมมติ แล้วก็เคารพสมมติ เคารพหน้าที่ของตัวเราเอง สมมติว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นพี่เป็นน้อง เป็นครูบาอาจารย์ อันนี้ก็เป็นแค่เพียงสมมติ ทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำตามหน้าที่ให้ถูกต้อง เราจะทำตามหน้าที่ของเราได้ดีหรือไม่ เราก็ต้องพิจารณาตัวเรา
หลวงพ่อก็พยายามทำตามหน้าที่ของหลวงพ่อให้ดีที่สุดมาตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าน้อยๆ ก็มาตั้งร่วม 20 ปี 20 กว่าปี อะไรไม่มีก็ทำให้มีขึ้น ก็เพื่อความสะดวกสบายของทุกคน ก็เพื่อที่จะอนุเคราะห์ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ที่พักที่อาศัย ห้องส้วมห้องน้ำ ใครเข้าไปเข้ามาก็มีความสงบความสุข การประพฤติปฏิบัติจิตก็ไปได้เร็วได้ไว
พวกเรามาอยู่ก็มาสร้างมาสานต่อ มาฝากฝังเอาไว้รุ่นต่อรุ่น รุ่นโน้นได้ทำสิ่งนั้นบ้าง รุ่นนี้ได้ทำสิ่งนี้บ้าง ฝากเอาไว้ เมื่อพวกเราจากไปรุ่นใหม่ก็มาสร้างมาสานต่อ พวกเราก็ได้สร้างคุณงามความดีฝากเอาไว้ ไม่ใช่ว่ามาแล้วก็พากันมาทำลายมาสร้างความวุ่นวาย อย่างนั้นใช้การไม่ได้ เราก็ต้องมาสร้างสะสมประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น
เพียงแค่การเจริญสติเข้าไปสำรวจเข้าไปทำความเข้าใจ พวกเรายังทำกันไม่ต่อเนื่อง ลักษณะของสติลักษณะของความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร พวกเราก็ขาดการทำความเข้าใจ อาจมีอยู่บ้างเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว ถ้าการเจริญสติไม่ต่อเนื่องยากที่เราจะเข้าใจว่าลักษณะของจิต จิตลักษณะการก่อตัว อาการของเกิดการดับของจิตซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ซึ่งเป็นฝ่ายรูปธรรม
อะไรคือรูปธรรมอะไรคือนามธรรม ลักษณะของอัตตาเป็นอย่างไร ลักษณะของอนัตตาเป็นอย่างไร จิตส่งไปข้างนอกเป็นลักษณะอย่างไร มีกิเลสเข้าไปเจือปนหรือไม่ พวกเราต้องพยายามสำรวจตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แม้แต่นิวรณธรรมต่างๆ ที่เป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราไม่ได้รับความสงบ มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกเราเอง ไม่ใช่ว่าขึ้นอยู่กับคนโน้นคนนี้ ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ว่าเราจะทำความเข้าใจหรือไม่
เราไม่เข้าใจแนวทางเราถึงแสวงหาแนวทาง ไปแสวงหาที่โน่นบ้างไปแสวงหาที่นี่บ้าง หาครูบาอาจารย์องค์โน้นบ้างองค์นี้บ้าง อันนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าไม่ดี เป็นการสร้างสะสมบุญบารมีของเรา ถ้าถึงวาระเวลาสักวันเราก็คงจะเข้าใจ ถ้าเราไม่ฝักใฝ่ไม่สนใจไม่แสวงหา ก็ยากที่จะเข้าใจ พวกเราก็ลองผิดลองถูก ลองผิดลองถูกกันมา จนกว่าจะเข้าที่เข้าทาง จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
ถ้าเราเข้าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เราก็มองเห็นในสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติมา เป็นการเจริญสร้างตบะสร้างบารมี สร้างสติสร้างปัญญาให้มีให้เกิดขึ้น ในแต่ละช่วงในแต่ละจังหวะ ไม่ใช่ว่าไปที่โน่นจะรู้ธรรมไปที่นี่จะรู้ธรรม มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ว่าเราจะฝึกฝนตัวเราหรือไม่
ทุกสิ่งทุกอย่างก็อำนวยความสะดวกความสบายให้ ที่พักที่อาศัยที่ ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน หมู่คณะก็เป็นสัปปายะ ที่วัดของเรานี่ก็อาจจะคับแคบไปหน่อย เพราะว่าพระภิกษุสงฆ์ก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยม เราก็ต้องพยายามทำในใจอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
รู้จักทำในใจ น้อมสำเหนียกสำรวจตรวจตราดู ถ้าเราทำถูกวิธีถูกทางเราก็จะรู้เราก็จะเห็น ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ก็เป็นการฝึกหัดปฏิบัติธรรม ถ้าใจของเราเป็นธรรม ถ้าใจของเราเป็นโลก ถึงจะเดินจงกรมถึงจะนั่งสมาธิอยู่ใจของเราก็เป็นโลกอยู่เหมือนเดิม
การเจริญสติ ความหมายของการเจริญสติเพื่อที่จะเข้าไปทำความเข้าใจกับจิต เพื่อที่จะไปคลายความหลง ละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมด ละได้มากได้น้อย เราก็ต้องพยายามละ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น รู้จักรับผิดชอบให้มากๆ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติโดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง ปฏิบัติด้วยความหลงก็ไปไม่ถึงไหน เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจให้ถูกทางเสีย
เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี ต้องขยันหมั่นเพียรกันเอา ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของคนอื่น ครูบาอาจารย์ก็เป็นเพียงแค่แผนที่ชี้แนะแนวทางให้ พวกเราจะทำตามหน้าที่ของพวกเราได้ดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ตัวของเราเอง ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง