หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 051

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 051
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 051
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเรา ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน ตามความเป็นจริงแล้วก็ต้องให้ต่อเนื่องกันตลอดเวลา จนกระทั่งเรานอนหลับ

อันนี้เป็นการย้ำเป็นการเตือน นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น ใจของเราก็สงบระงับขึ้น สัมผัสของลมหายใจ ความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เราก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ นั่นแหละให้เราพยายามสร้างความรู้รับรู้ตรงนี้ให้ต่อเนื่องกัน เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ เวลาลมวิ่งออกกระทบปลายจมูกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่

อย่าไปเพ่งนะ ถ้าเพ่งสมองของเราก็ตึง ถ้าเราเอาจิตไปจดจ่อหน้าอกก็จะแน่น เราพยายามให้หายใจยาวๆ เป็นธรรมชาติโดยที่ไม่บังคับ ถ้าเราความรู้สึกพลั้งเผลอไป เราก็เริ่มต้นขึ้นใหม่ เราก็พยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ให้เกิดความเคยชินไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน จะยืนจะเดินจะนั่งจะนอน ระลึกได้เมื่อไหร่ เราก็สร้างความรู้สึกให้ตื่นตัว

ความรู้ตัวนี่แหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ ที่เราสร้างขึ้นมา รู้ตัวที่ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ส่วนมากจะไม่ค่อยจะสร้างความรู้สึกตัวตรงนี้ให้ต่อเนื่องกัน ก็เลยอาศัยความคิดเก่า ปัญญาเก่าที่เกิดจากจิตเกิดจากขันธ์ห้า เข้าไปรวมกันแล้วก็คิดไป แล้วก็ทำตามความคิด

อันนี้เป็นของละเอียด จุดนี้ละเอียดมากทีเดียว ถ้าความรู้ตัวไม่ต่อเนื่องก็ยากที่จะรู้ทัน เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสัก 5 นาที 10 นาที พวกเราก็ยังทำกันไม่ค่อยจะได้ ก็เลยพลาดโอกาสที่จะเดินปัญญาแยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจ รู้เห็นอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้า รู้การเกิดกิเลสของจิต เรารู้เมื่อเขาเกิดแล้ว บางทีก็ดับได้บางทีก็ดับไม่ได้ ขาดการตามทำความเข้าใจในเรื่องของอัตตาอนัตตา อนิจจังทุกขังอนัตตา หลักของอริยสัจ

ถ้าเราแยกจิตกับขันธ์ห้าได้เราก็จะมองเห็นจุดอื่นได้ชัดเจน ถ้าเรายังแยกไม่ได้เราก็ต้องพยายามดับพยายามควบคุม แต่การสร้างบารมีทุกคนนั้นมีกันอยู่แล้ว จะมีมากมีน้อยอันนี้ก็มีกันทุกคน ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น ผ่านกาลผ่านเวลา ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน มีความรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี อยู่ในระดับของสมมติ อันนี้มีกันทุกคน ความอ่อนน้อมถ่อมตน พรหมวิหารความเมตตา มองโลกในทางที่ดี มีสัจจะมีความจริงใจต่อตัวเราเอง ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ทุกคนมีกัน

แต่การสร้างความระลึกรู้ตัวมีน้อยที่จะสร้างที่จะทำ นอกจากบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร ฝักใฝ่ที่จะหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้นได้จริงๆ ถ้าเราสร้างความระลึกรู้ตัวได้ต่อเนื่องกัน เราก็จะเห็นอะไรดีๆ เยอะอยู่ในกายของเรา รู้จักชำระสะสางกิเลส ใจของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ เกิดความโลภเราก็รู้จักดับ แล้วก็รู้จักให้ เสียสละ ชำระสะสางกิเลส ละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากจิตจากใจของเรา จิตของเราเกิดความโกรธเราก็รู้จักดับ รู้จักให้อภัยทานอโหสิกรรม ทำในสิ่งตรงกันข้ามกับกิเลส จนกว่าจิตของเราจะละกิเลส

แม้แต่ความอยากเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ให้เขาเกิด แม้แต่การเกิดการคิดของจิตเราก็ต้องดับ หนุนกำลังสติเข้าไปคิดเข้าไปพิจารณาทำหน้าที่แทน ถ้าเราเห็นอาการของความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตตั้งแต่แรก กำลังความรู้ตัวก็จะรู้ได้ตลอด ก็จะสนุกในการดูในการรู้ จนจิตเกิดความเบื่อหน่ายได้นั่นแหละ เขาถึงจะหาทางหลบหลีกจากขันธ์ห้าตรงนี้ได้ มันหลบหลีกไม่ได้ถึงจะอยู่อุเบกขา

แล้วเราก็มาชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา จากหยาบไปหาละเอียด จนข้ามคนปุถุชนเข้าเขตอริยะนั่นแหละ จนหน่วงเหนี่ยวเอาความว่างเป็นอารมณ์ เอานิพพานเป็นอารมณ์ได้นั่นแหละ อันนี้ต้องทำให้มีให้เกิดจริงๆ ให้ได้จริงๆ เราเดินปัญญาไม่ถึงขั้นนั้น เราก็มีโอกาสได้สร้างบารมี ที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง ทำบุญให้ทานถวายทาน รู้จักเสียสละให้กับหมู่ให้กับคณะ รู้จักทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้พ่อให้แม่ ให้พี่ให้น้อง ให้เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ไม่เพ่งโทษ ไม่อคติ ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น

อย่างเรามาวัด เราก็ได้ทำบุญ มีความเสียสละภาระหน้าที่การงานทางบ้าน ถ้าเราไม่มีความเสียสละมาเราก็มาไม่ได้ ถ้าไม่มีหัวหน้าที่ดี ที่ให้บริวารมีโอกาสได้มาศึกษาได้มาทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเอง ก็ยากเหมือนกัน

พวกท่านนับว่าเป็นบุคคลที่โชคดีได้ผู้นำที่มีใจฝักใฝ่ในบุญ ถึงตัวท่านไม่ได้มา ท่านก็ให้บริวารได้มาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ ให้มาศึกษาชีวิตของตัวเอง มาวัดก็ยังได้มาสร้างอานิสงส์ สร้างบุญสร้างกุศลในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งนั้นบ้างสิ่งนี้บ้าง เราก็ได้สร้างได้ฝากได้ทำเอาไว้ กายก็สบายใจก็สบายไม่มีความเครียด ทำด้วยความสบายใจ บุญก็เกิดขึ้นกับพวกเราตลอดเวลา

กลับไปบ้านเราก็พยายามทำใจของเราให้เหมือนอยู่ที่วัด ไม่ให้เครียด ไม่ให้กังวล มีอะไรผิดพลาดเราก็รีบแก้ไข อยู่ที่ไหนก็จะเป็นวัดถ้าเราเข้าใจ ก็ต้องพยายามกันนะ หลวงพ่อก็ขอบใจทุกคนทุกท่านนั่นแหละ ทั้งพระทั้งชี ได้ช่วยกัน อะไรพอช่วยกันได้เราก็ช่วยกัน

แม้แต่การเจริญสติ เราก็ต้องพยายามทำ พยายามสร้างให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเราตลอดเวลา ละได้หรือละไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของพวกเรานะ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง