หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 039
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 039
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกตัวเองให้ต่อเนื่องกัน นั่งตามอิริยาบถให้สบายวางกายให้สบาย ดับความกังวลความฟุ้งซ่านต่างๆเอาไว้ให้หมด ไม่ว่าเรื่องทางบ้านภาระหน้าที่การงานสมมติต่างๆที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว หยุดคิดนั่นแหละแล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยวนะ
อย่าไปเพ่งลมหายใจถ้าเราไปเพ่งลมหายใจสมองของเราก็จะตึง ถ้าเราเอาจิตไปจดจ่อหน้าอกก็จะแน่น เพียงแค่เราสูดลมหายใจก็ไปยาวๆ ให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วก็ความรู้สึกสัมผัสของลมที่กระทบปลายจมูกก็เด่นชัด ความรู้สึกตรงนี้แหละ เราพยามสร้างความรู้สึกให้ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
ฟังไปด้วย หูก็มีหน้าที่ฟังแล้วก็ความรู้สึกรับรู้ของเราก็ต้องรู้ให้ต่อเนื่อง พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ทั้งที่จิตของเราก็เป็นบุญกันทุกคน จิตของเราทุกคนก็ฝักใฝ่สนใจกัน แต่การสร้างความรู้ตัว เราต้องสร้างให้ต่อเนื่อง
ถึงสติปัญญาทั้งโลกของเราจะมีมากมายถึงขนาดไหน ถ้าเราไม่ได้เจริญความรู้ตัวให้ต่อเนื่องก็ยากที่จะรู้ฐานของจิตยากที่จะรู้ทำความเข้าใจกับชีวิตของเราได้ ทั้งที่บารมีของทุกคนบางครั้งก็มีการเกือบจะเต็ม ทั้งที่จริงก็อิ่มในบุญตลอดเวลา ฝักใฝ่ในบุญฝักใฝ่ในกุศล สร้างตบะบารมีชำระสะสางกิเลส ละความตระหนี่เหนียวแน่นนออกจากจิตจากใจของตัวเรา
ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกตัญญูกตเวทีมีกันทุกคน ความเสียสละมีกันทุกคน ผ่านกาลผ่านเวลาผ่านร้อนผ่านหนาว ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนเราต้องทำความเข้าใจ เราทำบุญให้กับตัวเราอยู่ตลอดเวลา แต่กำลังสติของเราไม่รู้จิตของเราเท่านั้นเอง
ตัวจิตนั่นแหละเป็นตัวธรรมเลย บางทีก็ความคิดหรือว่าการของขันธ์ห้ามาปรุงแต่งจิต ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติเข้าไปสำรวจเข้าไปแยกเข้าไปคลาย ถ้าเรายังแยกจิตออกจากความคิดไม่ได้ เราก็ต้องใช้สมถะดับ เข้าไปไว้ก่อนทำให้จิตของเราสงบนิ่งเสียก่อน แล้วก็สังเกตใหม่สังเกตอยู่บ่อยๆ ทำความเข้าใจอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็จะรู้เห็นจิตเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด เขาถึงจะแยกออกจากกัน
ถ้าแยกออกจากกันได้ เราก็จะเห็นความว่างได้ชัดเจน เห็นอาการของขันธ์ห้าที่ชัดเจนที่เกิดๆดับๆ นั่นแหละ อนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้า ถ้ารู้ตรงนี้แล้ว ถึงจะรู้ลักษณะอาการของขันธ์ห้าว่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้น เรื่องอดีตหรือว่าเรื่องอนาคต เป็นกองกุศลหรือว่ากองอกุศล ซึ่งท่านเรียกว่ากองเรียกว่าขันธ์ ขันธ์ของใครขันธ์ของมัน
จิตของเราเข้าไปร่วมจนเป็นสิ่งเดียวกัน เหมือนกับเชือกเส้นเดียวแต่มีหลายเกลียว ถ้าเราแยกออกเห็นเป็นเกลียวของใครเกลียวของมัน เราก็จะเห็นเป็นคนละส่วน แต่เวลานี้จิตของเราเข้าไปร่วมกับความคิดตรงนั้นอยู่ ก็เลยเป็นตัวเดียวกันไปด้วยกัน นั่นแหละโมหะอย่างลุ่มลึก ความหลงอย่างลุ่มลึก
เราต้องมาเจริญความรู้ตัวสร้างความรู้สึกตัว แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องเพื่อที่จะเข้าไปรู้ตรงนี้ ถ้ารู้ตรงนี้แล้ว เราก็จะได้ตามไปดูตามรู้ตามเห็น ให้จิตรับรู้ไม่ให้จิตของเราเข้าไปรวม จิตของเรานี่ก็แปลก ทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วยทั้งทะเยอทะยานอยากด้วย ทั้งเป็นทาสของอารมณ์ทั้งเป็นทาสของกิเลส
ท่านถึงบอกให้เจริญสร้างตบะบารมี เราทำอย่างไรถึงจะรู้จริงๆ ก็ต้องพยายามกันนะ การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม
สร้างความระลึกรู้ตัวรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน ทำกายให้สบายทำใจให้สบาย อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าเพิ่งเก็บมากังวลเก็บมาคิด หยุดเอาไว้ให้หมด ทำจิตให้โล่งสมองให้ปลอดโปร่งใจให้ว่างให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ
อย่าไปเพ่งลมหายใจถ้าเราไปเพ่งลมหายใจสมองของเราก็จะตึง ถ้าเราเอาจิตไปจดจ่อหน้าอกก็จะแน่น เพียงแค่เราสูดลมหายใจก็ไปยาวๆ ให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วก็ความรู้สึกสัมผัสของลมที่กระทบปลายจมูกก็เด่นชัด ความรู้สึกตรงนี้แหละ เราพยามสร้างความรู้สึกให้ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
ฟังไปด้วย หูก็มีหน้าที่ฟังแล้วก็ความรู้สึกรับรู้ของเราก็ต้องรู้ให้ต่อเนื่อง พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ทั้งที่จิตของเราก็เป็นบุญกันทุกคน จิตของเราทุกคนก็ฝักใฝ่สนใจกัน แต่การสร้างความรู้ตัว เราต้องสร้างให้ต่อเนื่อง
ถึงสติปัญญาทั้งโลกของเราจะมีมากมายถึงขนาดไหน ถ้าเราไม่ได้เจริญความรู้ตัวให้ต่อเนื่องก็ยากที่จะรู้ฐานของจิตยากที่จะรู้ทำความเข้าใจกับชีวิตของเราได้ ทั้งที่บารมีของทุกคนบางครั้งก็มีการเกือบจะเต็ม ทั้งที่จริงก็อิ่มในบุญตลอดเวลา ฝักใฝ่ในบุญฝักใฝ่ในกุศล สร้างตบะบารมีชำระสะสางกิเลส ละความตระหนี่เหนียวแน่นนออกจากจิตจากใจของตัวเรา
ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกตัญญูกตเวทีมีกันทุกคน ความเสียสละมีกันทุกคน ผ่านกาลผ่านเวลาผ่านร้อนผ่านหนาว ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนเราต้องทำความเข้าใจ เราทำบุญให้กับตัวเราอยู่ตลอดเวลา แต่กำลังสติของเราไม่รู้จิตของเราเท่านั้นเอง
ตัวจิตนั่นแหละเป็นตัวธรรมเลย บางทีก็ความคิดหรือว่าการของขันธ์ห้ามาปรุงแต่งจิต ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติเข้าไปสำรวจเข้าไปแยกเข้าไปคลาย ถ้าเรายังแยกจิตออกจากความคิดไม่ได้ เราก็ต้องใช้สมถะดับ เข้าไปไว้ก่อนทำให้จิตของเราสงบนิ่งเสียก่อน แล้วก็สังเกตใหม่สังเกตอยู่บ่อยๆ ทำความเข้าใจอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็จะรู้เห็นจิตเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด เขาถึงจะแยกออกจากกัน
ถ้าแยกออกจากกันได้ เราก็จะเห็นความว่างได้ชัดเจน เห็นอาการของขันธ์ห้าที่ชัดเจนที่เกิดๆดับๆ นั่นแหละ อนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้า ถ้ารู้ตรงนี้แล้ว ถึงจะรู้ลักษณะอาการของขันธ์ห้าว่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้น เรื่องอดีตหรือว่าเรื่องอนาคต เป็นกองกุศลหรือว่ากองอกุศล ซึ่งท่านเรียกว่ากองเรียกว่าขันธ์ ขันธ์ของใครขันธ์ของมัน
จิตของเราเข้าไปร่วมจนเป็นสิ่งเดียวกัน เหมือนกับเชือกเส้นเดียวแต่มีหลายเกลียว ถ้าเราแยกออกเห็นเป็นเกลียวของใครเกลียวของมัน เราก็จะเห็นเป็นคนละส่วน แต่เวลานี้จิตของเราเข้าไปร่วมกับความคิดตรงนั้นอยู่ ก็เลยเป็นตัวเดียวกันไปด้วยกัน นั่นแหละโมหะอย่างลุ่มลึก ความหลงอย่างลุ่มลึก
เราต้องมาเจริญความรู้ตัวสร้างความรู้สึกตัว แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องเพื่อที่จะเข้าไปรู้ตรงนี้ ถ้ารู้ตรงนี้แล้ว เราก็จะได้ตามไปดูตามรู้ตามเห็น ให้จิตรับรู้ไม่ให้จิตของเราเข้าไปรวม จิตของเรานี่ก็แปลก ทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วยทั้งทะเยอทะยานอยากด้วย ทั้งเป็นทาสของอารมณ์ทั้งเป็นทาสของกิเลส
ท่านถึงบอกให้เจริญสร้างตบะบารมี เราทำอย่างไรถึงจะรู้จริงๆ ก็ต้องพยายามกันนะ การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม
สร้างความระลึกรู้ตัวรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน ทำกายให้สบายทำใจให้สบาย อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าเพิ่งเก็บมากังวลเก็บมาคิด หยุดเอาไว้ให้หมด ทำจิตให้โล่งสมองให้ปลอดโปร่งใจให้ว่างให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ