หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 42
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 42
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเราให้ต่อเนื่องกัน ทำใจของเราให้สงบ ทำกายของเราให้สบาย ดับหยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราหยุด ถึงเราดับไม่ได้ เราก็หยุดเอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว หมั่นน้อมสร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แล้วก็หมั่นน้อมสำรวจความเป็นอยู่ของเรา การกระทำของตัวเองให้ได้ตลอดเวลา อะไรควรละ อะไรควรเจริญ
แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมา แล้วก็ย้อนเข้าไป วัน สองวัน สามวัน เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี แล้วก็เก็บเอามาวิเคราะห์พิจารณา เอามาแก้ไข ให้เดินปัญญาสู่วันข้างหน้า รู้อยู่ปัจจุบัน เอาของเก่ามาวิเคราะห์พิจารณา แล้วก็แก้ไขให้เกิดประโยชน์ แล้วก็พิจารณาอยู่ปัจจุบัน แล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ การทำจิตของเราให้สงบ ถ้าเราไม่ฝึกฝนจริงๆ ไม่เอาจริงๆ ก็ยากที่เขาจะสงบนะ เพราะว่าจิตของเราชอบเที่ยวชอบคิด คิดเรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง มีหลายอย่างมาปกปิดเอาไว้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสหยาบรู้สึกว่าจะรู้กันง่ายๆ อย่างเช่นความโกรธ เวลาโกรธขึ้นมาก็รู้ชัดเจน โกรธแล้วก็โลภ ทะเยอทะยานอยาก อันนี้ที่จะมองเห็นชัดเจน แต่ความหลงในส่วนลึกๆ หลงความคิด หลงอารมณ์ ตรงนี้จะคลายได้ยากอยู่ถ้ากำลังสติไม่เพียงพอ อานิสงส์ความเพียรไม่เพียงพอ
การสร้างตบะ สร้างบารมี ยังสมมติ ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ ทั้งสองอย่างให้พร้อมเพรียงกันไป ถ้าสมมติลำบากอยู่ สมมติยังติดขัดอยู่ ทางด้านจิตมันก็ไปได้ยากอยู่เหมือนกัน เราก็ต้องพยายามแก้ไขทางสมมติให้บริบูรณ์ คำว่า ‘สมมติบริบูรณ์’ คือไม่ได้ลำบากๆ ไม่ถึงกับว่าร่ำรวยอะไรมากมาย มีพออยู่พอกิน ไม่ถึงกับอัตคัด ไม่ถึงกับลำบาก ไม่ถึงกับเป็นภาระติดหนี้ติดสินทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามีแล้วก็คลาย พยายามคลายออก คลายออกจากใจของเราให้มันหมด แล้วก็หมั่นวิเคราะห์ตัวเรา
ความสงบ จิตที่สงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร จิตที่คลายออกจากความคิด หรือว่าแยกรูปแยกนาม จิตที่หงายขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างไร ความว่าง ความโล่ง ความโปร่ง เราต้องพยายามเข้าให้ถึงลักษณะอาการนั้นๆ เราต้องมาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าเรามีสติรู้ตัวได้ต่อเนื่อง เราก็จะเห็นการเกิดของจิต เห็นการเกิดของความคิดตั้งแต่เขาก่อตัว ถ้าเรารู้เราเห็นตรงนั้นจะสนุกในการดู ในการรู้ กำลังสติของเราก็จะพุ่งแรง ถ้าเราไม่ตามทำความเข้าใจ เขาก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิม
ไอ้เรื่องการพูดการจานี่รู้สึกว่าพูดง่ายอยู่ แต่การกระทำการลงมือจริงๆ นั้น เราต้องเอาให้ทันเหตุการณ์อยู่ปัจจุบัน รู้อยู่ปัจจุบัน ทุกเรื่องในชีวิตของเรา ตั้งแต่ความคิด เราจะคิด จิตคิด หรือว่าอาการของขันธ์ห้ามาปรุงแต่งจิต หรือว่าสติปัญญาเป็นตัวคิด ทำอย่างไรจิตของเราถึงจะรับรู้ สงบรับรู้อยู่ภายใน หลักของอริยสัจ จิตส่งออกไปข้างนอกเป็นลักษณะอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร เป็นลักษณะอย่างไร เราต้องพยายามดูให้ละเอียด เก็บรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราเข้าถึง เข้าใจรู้ลักษณะต่างๆ ก็อยู่ในกายในใจของเรานี่แหละ จะสนุกดู สนุกรู้ ถ้าวิบากกรรมเขาคลายก็ยิ่งจะสนุกใหญ่
วิบากกรรมคือสมมติต่างๆ เขาคลาย ก็ต้องพยายามกันนะ ทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความเป็นอยู่สมมติของเราเป็นอย่างไร ราบรื่นหรือไม่ ที่พักที่อาศัย ยิ่งพระยิ่งชี ยิ่งคนที่เข้ามาฝึกหัดปฏิบัติต้องเพิ่มความเพียรมีความขยันหมั่นเพียร มีความอดทนมีความรับผิดชอบที่สูง แม้แต่ก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะคิด เราละ เราดับทางกาย ทางวาจา ลึกลงไปก็ดับทางใจ ไม่ให้ใจของเราเกิด เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์ดูทีละเล็กทีละน้อย สักวันนึงเราก็คงเข้าใจ แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความรับผิดชอบของเราสูงหรือไม่ ความเป็นอยู่ของเรา สถานที่ของเรา เราต้องพยายามช่วยกันทำ ทำให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ
แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมา แล้วก็ย้อนเข้าไป วัน สองวัน สามวัน เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี แล้วก็เก็บเอามาวิเคราะห์พิจารณา เอามาแก้ไข ให้เดินปัญญาสู่วันข้างหน้า รู้อยู่ปัจจุบัน เอาของเก่ามาวิเคราะห์พิจารณา แล้วก็แก้ไขให้เกิดประโยชน์ แล้วก็พิจารณาอยู่ปัจจุบัน แล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ การทำจิตของเราให้สงบ ถ้าเราไม่ฝึกฝนจริงๆ ไม่เอาจริงๆ ก็ยากที่เขาจะสงบนะ เพราะว่าจิตของเราชอบเที่ยวชอบคิด คิดเรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง มีหลายอย่างมาปกปิดเอาไว้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสหยาบรู้สึกว่าจะรู้กันง่ายๆ อย่างเช่นความโกรธ เวลาโกรธขึ้นมาก็รู้ชัดเจน โกรธแล้วก็โลภ ทะเยอทะยานอยาก อันนี้ที่จะมองเห็นชัดเจน แต่ความหลงในส่วนลึกๆ หลงความคิด หลงอารมณ์ ตรงนี้จะคลายได้ยากอยู่ถ้ากำลังสติไม่เพียงพอ อานิสงส์ความเพียรไม่เพียงพอ
การสร้างตบะ สร้างบารมี ยังสมมติ ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ ทั้งสองอย่างให้พร้อมเพรียงกันไป ถ้าสมมติลำบากอยู่ สมมติยังติดขัดอยู่ ทางด้านจิตมันก็ไปได้ยากอยู่เหมือนกัน เราก็ต้องพยายามแก้ไขทางสมมติให้บริบูรณ์ คำว่า ‘สมมติบริบูรณ์’ คือไม่ได้ลำบากๆ ไม่ถึงกับว่าร่ำรวยอะไรมากมาย มีพออยู่พอกิน ไม่ถึงกับอัตคัด ไม่ถึงกับลำบาก ไม่ถึงกับเป็นภาระติดหนี้ติดสินทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามีแล้วก็คลาย พยายามคลายออก คลายออกจากใจของเราให้มันหมด แล้วก็หมั่นวิเคราะห์ตัวเรา
ความสงบ จิตที่สงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร จิตที่คลายออกจากความคิด หรือว่าแยกรูปแยกนาม จิตที่หงายขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างไร ความว่าง ความโล่ง ความโปร่ง เราต้องพยายามเข้าให้ถึงลักษณะอาการนั้นๆ เราต้องมาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าเรามีสติรู้ตัวได้ต่อเนื่อง เราก็จะเห็นการเกิดของจิต เห็นการเกิดของความคิดตั้งแต่เขาก่อตัว ถ้าเรารู้เราเห็นตรงนั้นจะสนุกในการดู ในการรู้ กำลังสติของเราก็จะพุ่งแรง ถ้าเราไม่ตามทำความเข้าใจ เขาก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิม
ไอ้เรื่องการพูดการจานี่รู้สึกว่าพูดง่ายอยู่ แต่การกระทำการลงมือจริงๆ นั้น เราต้องเอาให้ทันเหตุการณ์อยู่ปัจจุบัน รู้อยู่ปัจจุบัน ทุกเรื่องในชีวิตของเรา ตั้งแต่ความคิด เราจะคิด จิตคิด หรือว่าอาการของขันธ์ห้ามาปรุงแต่งจิต หรือว่าสติปัญญาเป็นตัวคิด ทำอย่างไรจิตของเราถึงจะรับรู้ สงบรับรู้อยู่ภายใน หลักของอริยสัจ จิตส่งออกไปข้างนอกเป็นลักษณะอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร เป็นลักษณะอย่างไร เราต้องพยายามดูให้ละเอียด เก็บรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราเข้าถึง เข้าใจรู้ลักษณะต่างๆ ก็อยู่ในกายในใจของเรานี่แหละ จะสนุกดู สนุกรู้ ถ้าวิบากกรรมเขาคลายก็ยิ่งจะสนุกใหญ่
วิบากกรรมคือสมมติต่างๆ เขาคลาย ก็ต้องพยายามกันนะ ทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความเป็นอยู่สมมติของเราเป็นอย่างไร ราบรื่นหรือไม่ ที่พักที่อาศัย ยิ่งพระยิ่งชี ยิ่งคนที่เข้ามาฝึกหัดปฏิบัติต้องเพิ่มความเพียรมีความขยันหมั่นเพียร มีความอดทนมีความรับผิดชอบที่สูง แม้แต่ก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะคิด เราละ เราดับทางกาย ทางวาจา ลึกลงไปก็ดับทางใจ ไม่ให้ใจของเราเกิด เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์ดูทีละเล็กทีละน้อย สักวันนึงเราก็คงเข้าใจ แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความรับผิดชอบของเราสูงหรือไม่ ความเป็นอยู่ของเรา สถานที่ของเรา เราต้องพยายามช่วยกันทำ ทำให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ