หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 108

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 108
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 108
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 108
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 กันยายน 2556

พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราก็จะได้ฟังธรรมตลอดเวลา มีปัญญา มีสติปัญญา รู้กายรู้ใจของเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราก็จะได้ฟังธรรม รู้ธรรม เห็นธรรม เข้าใจในธรรม ธรรมตัวธรรมก็คือตัวใจ ธรรมชาติของใจที่ปราศจากกิเลสเขาก็สะอาด เขาก็ปกติ ใจจะเกิดความโลภ ความโกรธ เราก็รู้เท่าทัน ถ้าเรามีสติมีปัญญาอยู่ปัจจุบัน เราก็จะได้เป็นบุคคลที่ฟังธรรม กายของเราเป็นก้อนธรรม ใจของเราเป็นองค์ธรรม สติที่เราสร้างขึ้นมาเป็นคนหมั่นพร่ำสอนใจอยู่ตลอดเวลา เขาเรียกว่า อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด ได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา พวกท่านจงพยายามดู รู้ใจของตัวเราเองทุกเรื่องในชีวิต ไม่ใช่ว่าจะมาวัด เราถึงได้ฟังธรรม ไปฟังพระท่านพูด เราถึงได้ฟังธรรม เราจงฟังตัวเรา พร่ำสอนตัวเรา ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง กายเนื้อของเรามีอะไรบ้าง ซึ่งขันธ์ห้าของเรามีวิญญาณเข้ามาครอบครอง อะไรส่วนรูปอะไรส่วนนาม เราไม่เข้าใจ

แนวทางพระพุทธองค์ ท่านได้ค้นพบมาตั้งสองพันกว่าปีแล้ว ขอให้เราเดินตามทำหน้าที่ตามให้ถูกต้อง เราก็จะเห็นว่าท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องความจริงของชีวิต สอนเรื่องสัจจะความจริงของชีวิต เราต้องรู้กายในขันธ์ห้าของเรา รอบรู้ในกองสังขารของเราให้ได้ เราต้องละกิเลสที่ใจของเราให้ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็เข้าไม่ถึงธรรม ส่วนมากก็มีตั้งแต่ใจ เราทั้งวิ่งทั้งเกิดทั้งหลง หลงอยู่ในการสร้างคุณงามความดี หลงแสวงหา ถ้าไม่เจริญสติเข้าไปพร่ำสอนใจ อบรมใจจนใจคลายออกจากขันธ์ห้า ดับความเกิดเราก็จะเข้าไม่ถึงตัวธรรม มีตั้งแต่ตัวธรรมวิ่งหาธรรม มันจะไปเจอได้ยังไง

ความโลภ ความโกรธ ความอยาก กิเลสหยาบ กิเลสละเอียดมาปิดกันตัวเอาไว้เสียมิด เอาขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวเอาไว้เสียมิด จะเห็นได้ยังไง ถ้าไม่เจริญสติให้ต่อเนื่อง เพียงแค่เจริญสติให้ต่อเนื่อง ถ้าความเข้าใจไม่ถูกต้องมันก็ยากอีก ตบะบารมีพยายามสร้าง หมั่นขัดเกลาอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น อย่าโยนความรับผิดชอบตัวเราให้คนอื่น

กายของเรามีอะไรบ้าง วิญญาณเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากความคิดเป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร นิวรณธรรมเป็นอย่างไร มีกันหมดทุกคน เหลือเสียแต่ว่าเราเจริญสติเข้าไปรู้เท่าทันเห็นต้นเหตุหรือไม่เท่านั้นเอง มีในความไม่มี พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอัตตา เรื่องอนัตตา สอนเรื่องไตรลักษณ์ สอนเรื่องหลักของอริยสัจ ท้าให้พิสูจน์ ท้าให้พิสูจน์ได้ ถ้าเดินตามแนวทางของท่าน รู้ด้วยเห็นด้วยเข้าถึงด้วย ท่านถึงบอกให้เชื่อ

ช่วงใหม่ๆ อย่าหาเหตุผลแบบกิเลสเข้ามาโต้แย้ง ให้เดินตามทำตามเสียก่อน หมดความสงสัยด้วย เห็นด้วย รู้ด้วยเข้าถึงด้วย ตามความเข้าใจได้ด้วยนั่นแหละ หมดความสงสัย หมดความลังเล ท่านบัญญัติเอาไว้หมด วิปัสสนาภูมิ วิปัสสนาญาณ การเกิดการดับของจิตของขันธ์ห้า ท่านถึงบอกให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในอารมณ์ แล้วก็รอบรู้ในโลกธรรม ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนมากจะเป็นรอบรู้เฉพาะโลกธรรม โลกธรรมแปด ลาภยศ สรรเสริญ สุขทุกข์นินทา ตรงนั้นมีกันเยอะ เอามาปิดกั้นดวงใจของตัวเองเอาไว้จนมืด จนแกะไม่ออก คนที่จะแกะออกง่าย คือคนที่มีศรัทธา มีความเสียสละ มีสัจจะ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ฝักใฝ่สนใจ มีความเพียร เอาออก คลายออก มองเห็นความจริงภายใน มันถึงจะคลายออกได้ง่ายได้ เร็วได้ไว

ความเสียสละไม่มี ความรับผิดชอบไม่มี ความขยันไม่มี มันก็ยิ่งห่างไกล ก็ต้องพยายามไม่เหลือวิสัย เราพยายามสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นที่กายของเราให้เต็มเปี่ยม บุญทั้งสมมติ บุญทั้งวิมุตติ เพราะสมมติกับวิมุตติเขาก็อาศัยกันอยู่ คนเราเกิดมาจะไปอย่างไรมาอย่างไร ทุกคนตายหมด จะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้นแหละ ความจริงก่อนที่ยังไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไปหรอก

ถ้าพูดเรื่องความตายแล้วไม่อยากฟัง ถ้าพูดความอยากได้ อยากมี อยากร่ำอยากรวยแล้วชอบอยู่ อยากร่ำอยากรวยก็ขยันหมั่นเพียรแสวงหา หาด้วยสติหาด้วยปัญญา หาด้วยเหตุด้วยผล การกระก็ต้องถึงพร้อม ไม่เบียดเบียนตนเบียดเบียนคนอื่น เราไม่อยากจะร่ำจะรวยก็ได้ เราไม่อยากจะมีก็ได้ มันก็จะมีถ้าเราขยัน จากน้อยๆ ไปหามากๆ แสวงหาใจก็ต้องรู้ใจ ปฏิบัติธรรมก็ต้องรู้ธรรม ปฏิบัติตั้งแต่ธรรมไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สติก็ไม่รู้จัก คําว่าความระลึกรู้ตัวอย่างปัจจุบันที่ต่อเนื่องกันเป็นลักษณะอย่างไรก็ยังไม่รู้ รู้ตั้งแต่การพูดการจา ต้องให้รู้ให้เห็นในกายในใจของเรา สร้างขึ้นมาให้เต็มเปี่ยม ให้รู้เท่าทันความคิด รู้จักควบคุมความคิด

ความคิดเกิดขึ้นตรงไหน เกิดขึ้นอย่างไร ระดับไหน เกิดขึ้นจากตัววิญญาณ เกิดจากอาการของขันธ์ห้า หรือว่าเกิดจากสติปัญญา ต้องแจงให้ออก คนที่เข้าใจในธรรม รู้ธรรม ฟังนิดเดียว ไม่จำป็นต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย หาที่กายลงที่ใจ เราก็จะได้ฟังธรรมตลอดเวลา จัดการทรัพย์ภายในให้บริบูรณ์ นอกนั้นก็ข้างนอกก็จะเข้ามาหาเรา เราก็จะช่วยอนุเคราะห์แก้ไขกันไป ส่วนมากก็จะไปหาธรรมที่โน่นหาธรรมที่นี่ มันไม่เจอหรอกหาภายนอก แต่หาธรรมจากสถานที่โน้นหาธรรมที่นี่ ถ้าเราเข้าใจในการดูใจในการละแล้ว ไปเถอะ ไปสร้างกําลังใจไปเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่นั่นได้กําไร ถ้ายังไม่เข้าใจนะ จะเดินรอบโลกก็ไม่เข้าใจหรอก ถ้าเรารู้ใจ ถ้าเรารู้ใจแล้วไปที่ไหนเราก็รู้ใจ รู้ธรรม

ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม กายคือก้อนธรรม เพียงแค่ระดับสมมติพวกเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ แต่ปัญญาทางสมมติทางโลกียะนั้นเข้าใจอยู่ในระดับของสมมติ อาจจะถูกต้องอยู่ แต่ในหลักธรรมแล้วก็ถ้ายังไม่รู้ตัวใจจริงๆ ก็ยากอยู่ เพราะว่าใจมันยังเกิดยังวิ่ง ก็รู้อยู่ในในความรู้ ในความหลง หลงในความรู้ ละเอียด ละเอียดมาก สำหรับหลักใจแล้วละเอียดมาก ตอนเป็นนามธรรม มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ นอกจากจะดำเนินตามคําสอนของพระพุทธองค์ ความระลึกรู้ตัว รู้กายรู้ใจ แล้วก็ละกิเลสออกให้มันหมด

ตามความเป็นจริงกิเลสมันมาทีหลัง มันไม่มี แต่มาสร้างปกคลุมเสียมิดเลย เพียงแค่ความเกิดก็ปิดตัวใจของตัววิญญาณเอาไว้เลย เพียงแค่ความคิดอาการของความคิดเกิดการปรุงการแต่ง แถมมีขันธ์ห้าเข้ามาปิดไว้อีกชั้นหนึ่ง กิเลสหยาบกิเลสละเอียดปิดชั้นเอาไว้เยอะ ส่วนมากก็ได้บุญให้ทาน ทำบุญให้ทานแต่ก็ได้อยู่นะไม่ใช่ว่าไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่ดี ทานให้มันออกให้หมด ทานให้เป็น ส่วนมากทานไม่เป็น ทานแล้วก็ปรารถนา อยากให้มันได้เยอะกว่าการให้ทานก็ได้อยู่ในหลักของสมมติ ได้ความสุขกายสุขใจ ได้สวรรค์ ได้พรหม ถ้ากายแตกดับ แต่ไม่ได้นิพพาน เพราะความเกิดยังมีอยู่

เราต้องเข้าถึงคําว่านิพพาน ลักษณะของนิพพานหมายความว่า ความเย็น ความว่าง ใจที่ว่างปราศจากกิเลส ใจที่ไม่เกิดหรือว่าใจนิพพาน ใจว่างใจบริสุทธิ์ ใจนิ่ง เขาเรียกว่าใจเที่ยง ใจไม่นิ่ง ใจไม่เที่ยง นิพพานก็ไม่เที่ยง ใจนิ่งใจเที่ยงนิพพานก็เที่ยง ก่อนที่จะให้ใจนิ่ง ใจว่างได้ มันว่างจากอะไรล่ะ ว่างจากกิเลส มันมีกิเลสแล้วก็ละกิเลส เราละไม่ได้ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ เราก็พยายามใช้ปัญญาขัดเกลา ไม่ใช่ว่าปุ๊บมันจะได้ปั๊บ ทำอยู่เรื่อยๆ อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียร จริตศรัทธาของเราชอบอย่างไร เราต้องรีบแก้ไข ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ต้องพยายามนะ พยายามเอา

วันนี้ก็เป็นวันธรรมสวนะ วันฟังธรรม เราต้องฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หมั่นพร่ำสอนใจของเรา อย่าให้คนอื่นเขาสอน อันนี้ไม่ถูกอันนี้ผิด อันนี้เป็นกุศล อกุศล กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทำหน้าที่อย่างไร ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา สติปัญญาพากายไปใจรับรู้ หรือว่าใจเป็นตัวสั่งหรือว่าขันธ์ห้าความคิดเป็นตัวสั่ง ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอก ไม่รู้ว่าพูดอะไรบอกว่างั้น ถ้าแยกแยะได้ เราสนุก อยู่คนเดียวก็สนุกกว่ากิเลส ตัวไหนจะมาหลอกเรา ตัวใจมันจะสั่งไปตามอำนาจของกิเลสหรือเปล่า เป็นกุศลหรือว่าอกุศล ในหลักธรรมท่านให้มันพร่ำสอนใจ แล้วก็คลายแยกแยะ แล้วก็ดับความเกิดของใจ ให้ใจรับรู้ ผิดถูกชั่วดียังไง สติปัญญาไปแก้ไข

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราก็จะเห็นสติปัญญาของเราเร็วไวขึ้น ก็จะกลายเป็นมหาสติ กลายเป็นมหาปัญญา จนไม่ได้สร้างจนเป็นปัญญาอัตโนมัติ เอาไปใช้ ทำความเข้าใจในชีวิตไปดำเนินชีวิต ใจก็จะสะอาดบริสุทธิ์อยู่ในกายของเรา ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เขาก็ว่าง เขาก็บริสุทธิ์ มองเห็นหนทางเดินว่าจะกลับมาเกิด หรือไม่กลับมาเกิด นอกนั้นก็ได้กําไรชีวิต ในการสร้างบุญสร้างประโยชน์

ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เราต้องสร้างทรัพย์ภายในให้เต็มเปี่ยมเสียก่อน ก่อนที่จะล้นออกไปหากําไรชีวิตให้กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ความนิ่งสัก 5 นาที 10 นาทีมันก็ยาก การเจริญสติที่ต่อเนื่องมันก็ยาก ถ้าไม่มีความเพียร สิ่งพวกนี้บังคับกันไม่ได้หรอก พูดกันปากเปียกปากแฉะ ถ้าไม่เอามันก็ไม่เอา ถ้าคนมีบุญพูดนิดเดียว เข้าไปแก้ไขตัวเองทันที ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน นั่นแหละเขาเรียกว่าพระ ใจสะอาด ใจสว่าง ใจบริสุทธิ์ ใจก็เป็นพระ ถึงเป็นฆราวาสใจก็เป็นพระได้

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ ให้ต่อเนื่องกันสักนิดสักหน่อยก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความรู้สึกรับรู้เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา แล้วก็เวลาลมหายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ นั่นแหละเขาเรียกว่ามีความรู้ตัว ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่อง เวลาหายใจเข้าออกหายใจออกหายใจเข้า หายใจยาวหายใจสั้น ขอให้รู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวพร้อม

เพียงแค่สร้างความรู้ตัวตรงนี้ให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ก็ไม่ค่อยจะสนใจกัน ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากได้บุญแสวงหาธรรม แสวงหาที่โน่นที่นี่ มันปิดกั้นเอาไว้หมดเสียแล้ว เรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกัน ถ้าความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มต้นใหม่ พลั้งเผลอเริ่มต้นใหม่ จนกว่าจะเป็นมหาสติ ความรู้ตัวพร้อม ถ้าเรามีความรู้ตัวอยู่ปฏิบัติ ลึกลงไปเราก็จะเห็นการเกิดอาการของใจเขาจะปรุงจะแต่ง เขาจะอึดอัด บางทีเขาก็ส่งไปภายนอก เราก็พยายามกระตุ้นความรู้ตัวใหม่ หายใจเข้าออกใหม่ ใจก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจเอง อยู่กับกายของเราเอง เราก็จะเห็นเป็นสองส่วน

กําลังสติของเรามีมาก เราก็อบรมใจของเรา เราก็ข่มใจของเราด้วยสมถะ เขาเรียกว่าสมถะ ถ้าข่มใจให้อยู่ในความสงบ จนกว่าความรู้ตัวของเราจะรู้เท่าทันการเกิดของใจ การเกิดอาการของขันธ์ห้า เขาเคลื่อนเข้าไปรวมกัน ถ้ารู้เท่าทันเขาจะแยกออกจากกันอันนี้ถึงจะเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงในหลักธรรมแล้ว ก็สัมมาทิฏฐิความรู้แจ้งเห็นจริง ถึงจะเปิดทางให้ เพียงแค่เปิดทาง แต่ก่อนนั้นศรัทธามีพร้อม ปัญญาทางโลกปิดกั้นเอาไว้ จะแยกแยะตรงนี้ได้ สัมมาทิฏฐิความรู้แจ้งเห็นจริง เปิดทางให้ เพียงแค่เริ่มต้น แต่ฐานบุญมีอยู่ ความรู้ตัวของเราก็ตามความเข้าใจ ใจก็จะว่าง ใจว่างรับรู้ ความรู้ตัวเราก็จะตามดู เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า เรื่องอะไรบ้าง เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เรื่องอดีต เรื่องอนาคต เราก็จะเข้าใจใน เห็นความเกิดความดับ เพราะเราว่าเห็นไตรลักษณ์ รอบรู้ในกองสังขารทุกเรื่อง เวลาจบลงแล้วความว่างเปล่าก็จะมาปรากฏที่ท่านเปรียบเอาไว้ เหมือนกับพยัพแดด หรือว่าเปรียบเอาไว้ เหมือนกับลูกคลื่น เวลาเข้ากระทบฝั่งก็แตกหายไป ลูกใหม่ก็เข้ามา ตรงนี้ก็เหมือนกัน

ถ้าเราฝึกหัดปฏิบัติแยกแยะได้ ทำความเข้าใจได้ ถ้าเราไม่ตามความเข้าใจให้ตลอดทุกเรื่อง เขาก็ซึมเข้าสู่สภาพเดิม เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน แม้แต่ตัวใจตัววิญญาณเขาก็เกิดมาตั้งนาน ก็หลงทิศหลงเที่ยว หลงหลอกตัวเองมาตั้งนาน ความรู้ตัวสติปัญญาของเราต้องชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล การเกิดการดับให้ชัดเจนทุกเรื่อง จนยอมศิโรราบได้นั่นแหละ จนละกิเลสได้หมดจดนั่นแหละ หมดความสงสัยได้นั่นแหละ เขาถึงจะยอม แต่เวลานี้ความรู้ตัวสตินี่ไม่ได้สร้างกันเลย มันจะไปรู้ตรงนั้นได้ยังไง ถึงสร้างขึ้นมาก็นิดๆ หน่อยๆ เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ มันจะไปประหัตประหารกิเลสได้อย่างไร มันก็ได้แค่ทำบุญให้ทาน ความเข้าใจให้ตลอดสายไม่มี จะไปแสวงหาที่ไหนถึงจุดหมายปลายทางได้ เราก็ต้องพยายามแต่ก็ไม่เหลือวิสัย ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็พยายามทำ อย่าไปทิ้งบุญ

ในการทำบุญ ในการให้ทานสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น ความเสียสละ ความอดทน ความอ่อนน้อมถ่อมตน การฝักใฝ่ การสนใจ ความขยันหมั่นเพียร เราพยายามให้ ติดตัวติดติดใจของเรา อย่าไปกังวลว่าจะเสียเปรียบกิเลสคนโน้นคนนี้ เราจะชนะตัวเราและเราชนะหมด พยายามนะ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง